บทความทั้งหมด
- Home
- English articles,translated from My Thai Articles
- Regular English Lessons
- Idioms and Phrases
- บทความทั้งหมด/ All articles
- ค่าบริการแปลเอกสาร / Translation service Fee
- All Grammar Rules
- ใบขับขี่สหรัฐ
- ค่าเรียนหลักสูตร Full Course
- English Speaking Basic
- Good links
- ร่วมงานกับเรา
- English Tests
- 🌹CEPT Test
- 🌹CEFR Level Test🌹
- 🌹listening practice
- 🌹English me up🌹
- 🌹Adam Bradshaw
- 🌹Studying group
- 🌹Worksheet group
- 🌹New TOEIC 2022 Test
- Basic listenning
- General Conversations
- Contact Us
- Payment Conditions
- Game to learn English
- Learning Thai
- LOGISTICS VOCAB
- ABC SONG
- 100 English Words
- Listen & Practice
วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
Adjective – Equivalent คืออะไร มีอะไรบ้าง
Adjective – Equivalent
คือ “คำที่ใช้เสมือนเป็นคุณศัพท์” ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่า คำที่จะนำมาใช้เสมือนหนึ่ง
เป็นคุณศัพท์ที่จะกล่าวต่อไปนี้
เป็นคุณศัพท์ที่จะกล่าวต่อไปนี้
1. คำนาม (Noun) นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนามด้วยกันได้ แต่ให้วางไว้หน้านามที่มันไปขยายนั้นทุกครั้งไป เช่น
Yale University is the place for political studies.
(มหาวิทยาลัยเยลเป็นสถานที่สำหรับการศึกษาวิชาการเมือง)
ข้อสังเกต : Yale เป็นนามนำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยาย university ซึ่งเป็นนามด้วยกัน
My younger brother wishes to study at Suan Dusit College.
(น้องชายของฉันประสงค์จะเรียนที่วิทยาลัยสวนดุสิต)
ข้อสังเกต : Suan Dusit เป็นนาม แต่นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนาม college ได้
They have worked in New York City for two years.
(พวกเขาได้ทำงานอยู่ที่เมืองนิวยอร์คเป็นเวลา 2 ปีแล้ว)
ข้อสังเกต : New York เป็นนามนำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามที่ตามหลัง คือ City
Yale University is the place for political studies.
(มหาวิทยาลัยเยลเป็นสถานที่สำหรับการศึกษาวิชาการเมือง)
ข้อสังเกต : Yale เป็นนามนำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยาย university ซึ่งเป็นนามด้วยกัน
My younger brother wishes to study at Suan Dusit College.
(น้องชายของฉันประสงค์จะเรียนที่วิทยาลัยสวนดุสิต)
ข้อสังเกต : Suan Dusit เป็นนาม แต่นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนาม college ได้
They have worked in New York City for two years.
(พวกเขาได้ทำงานอยู่ที่เมืองนิวยอร์คเป็นเวลา 2 ปีแล้ว)
ข้อสังเกต : New York เป็นนามนำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามที่ตามหลัง คือ City
2. คำนามที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ โดยมี Apostrophe ( ‘s ) มาใช้ควบนั้น นำมาใช้เป็น Adjective
ขยายนามได้ และให้เรียงไว้หน้านามตัวนั้นตลอดไป เช่น
John’s house was built in Denver five years ago.
(บ้านของจอห์นได้สร้างไว้ที่เดนเวอร์ เมื่อ 5 ปีมาแล้ว)
ข้อสังเกต : เป็นคำนามที่นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนาม house ได้
The teacher’s table is larger than the students.
(โต๊ะของครูมีขนาดใหญ่)
ข้อสังเกต : teacher’s เป็นนาม นำมาใช้บยายนาม table ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ได้
ขยายนามได้ และให้เรียงไว้หน้านามตัวนั้นตลอดไป เช่น
John’s house was built in Denver five years ago.
(บ้านของจอห์นได้สร้างไว้ที่เดนเวอร์ เมื่อ 5 ปีมาแล้ว)
ข้อสังเกต : เป็นคำนามที่นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนาม house ได้
The teacher’s table is larger than the students.
(โต๊ะของครูมีขนาดใหญ่)
ข้อสังเกต : teacher’s เป็นนาม นำมาใช้บยายนาม table ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ได้
3. Infinitive (กริยาสภาวมาลา ได้แก่ to + V.1) นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามหรือสรรพนามได้ แต่วางไว้หลังนามที่มันขยายเสมอ เช่น
He has no money to give me for buying a pen.
(เขาไม่มีเงินที่จะให้ฉันซื้อปากกา)
ข้อสังเกต : to give เป็น Infinitive นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนาม money ได้
This book is good for you to read.
(หนังสือเล่มนี้ดีสำหรับคุณที่จะอ่าน)
ข้อสังเกต : to read เป็น Infinitive นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายสรรพนาม you ได้
He has no money to give me for buying a pen.
(เขาไม่มีเงินที่จะให้ฉันซื้อปากกา)
ข้อสังเกต : to give เป็น Infinitive นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนาม money ได้
.
This book is good for you to read.
(หนังสือเล่มนี้ดีสำหรับคุณที่จะอ่าน)
ข้อสังเกต : to read เป็น Infinitive นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายสรรพนาม you ได้
4. Participle นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามได้ และให้วางไว้หน้านามที่มันไปขยายทุกครั้ง เช่น
The standing boy is afraid of the running dog.
(เด็กชายที่ยืนอยู่กลัวสุนัขที่วิ่งมา)
ข้อสังเกต : standing, running เป็น Participle นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามได้
The standing boy is afraid of the running dog.
(เด็กชายที่ยืนอยู่กลัวสุนัขที่วิ่งมา)
ข้อสังเกต : standing, running เป็น Participle นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามได้
5. Gerund (กริยานาม คือ Verb เติม ing แล้วนำมาใช้อย่างนามซึ่งจะได้กล่าวในบทต่อไปนี้เช่นกัน) นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนามได้และวางไว้หน้านามนั้นตลอดไป เช่น
Now he is waiting for you in the meeting room.
(เดี๋ยวนี้เขากำลังรอคุณอยู่ที่ห้องประชุม)
ข้อสังเกต : meeting เป็น gerund นำมาใช้ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนาม room
Now he is waiting for you in the meeting room.
(เดี๋ยวนี้เขากำลังรอคุณอยู่ที่ห้องประชุม)
ข้อสังเกต : meeting เป็น gerund นำมาใช้ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนาม room
6. Phrase (วลีทุกชนิด) นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนามหรือสรรพนามได้ ส่วนตำแหน่งวางของวลีคุณศัพท์นั้นอยู่หน้านามก็มี อยู่หลังนามก็มี เช่น
The man in this room is our guest.
(ผู้ชายที่อยู่ในห้องนี้เป็ฯแขกของเรา)
ข้อสังเกต : in this room เป็นวลีมาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์มาขยายนาม man ที่อยู่ข้างหน้า
He wants to buy the corner.
(เขาต้องการซื้อบ้านที่อยู่มุมถนนนั้น)
ข้อสังเกต : on the corner เป็นวลีมาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนาม house ที่อยู่ข้างหน้า
The man in this room is our guest.
(ผู้ชายที่อยู่ในห้องนี้เป็ฯแขกของเรา)
ข้อสังเกต : in this room เป็นวลีมาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์มาขยายนาม man ที่อยู่ข้างหน้า
He wants to buy the corner.
(เขาต้องการซื้อบ้านที่อยู่มุมถนนนั้น)
ข้อสังเกต : on the corner เป็นวลีมาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนาม house ที่อยู่ข้างหน้า
7. Subordinate Clause (อนุประโยค) นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนามได้ และให้วางไว้หลังนามที่ไปขยายทุกครั้ง เช่น
This is the house that Jack built.
(นี้คือบ้านที่แจ๊คสร้างเอาไว้)
ข้อสังเกต : that Jack built เป็น Subordinate Clause (ประเภทคุณานุประโยค) มาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามhouse ที่วางอยู่ข้างหน้า
I know Mr. Clinton whom you want to see.
(ฉันรู้จัก มิสเตอร์คลินตัน ผู้ซึ่งคุณต้องการพบ)
ข้อสังเกต : whom you want to see เป็น Subordinate Clause (ประเภทคุณานุประโยค) มาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามMr.Clinton ซึ่งวางอยู่ข้างหน้า
This is the house that Jack built.
(นี้คือบ้านที่แจ๊คสร้างเอาไว้)
ข้อสังเกต : that Jack built เป็น Subordinate Clause (ประเภทคุณานุประโยค) มาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามhouse ที่วางอยู่ข้างหน้า
I know Mr. Clinton whom you want to see.
(ฉันรู้จัก มิสเตอร์คลินตัน ผู้ซึ่งคุณต้องการพบ)
ข้อสังเกต : whom you want to see เป็น Subordinate Clause (ประเภทคุณานุประโยค) มาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามMr.Clinton ซึ่งวางอยู่ข้างหน้า
Relative Adjective คืออะไร
Relative Adjective แปลว่า “คุณศัพท์สัมพันธ์ หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าประพันธ์คุณศัพท์ ก็ได้”หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามที่ตามหลัง และในขณะเดียวกันก็ยังทำหน้าที่คล้ายสันธานเชื่อมความในประโยคของตัวเอง กับประโยคข้างหน้าให้สัมพันธ์กันอีกด้วย ได้แก่ What (อะไรก็ได้), Whichever (อันไหนก็ได้) เช่น
Give me what money you have.
จงให้เงินอะไรก็ได้ที่คุณมีอยู่แก่ผมเถอะ
จงให้เงินอะไรก็ได้ที่คุณมีอยู่แก่ผมเถอะ
I will take whichever horse you don’t want.
ผมจะนำเอาม้าตัวที่คุณไม่ต้องการนั่นแหละไป
ผมจะนำเอาม้าตัวที่คุณไม่ต้องการนั่นแหละไป
He will read what book he wishes.
เขาจะอ่านหนังสืออะไรก็ได้ที่เขาปรารถนา (จะอ่าน)
เขาจะอ่านหนังสืออะไรก็ได้ที่เขาปรารถนา (จะอ่าน)
(What, Whichever เป็นคุณศัพท์สัมพันธ์ ไปขยายนามที่ตามหลัง และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เชื่อมความประโยคหน้าและประโยคหลัง ให้กลมกลืนกันอีกด้วย)
Exclamatory Adjective คืออะไร
Exclamatory Adjective แปลว่า “คุณศัพท์บอกอุทาน” หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนาม เพื่อให้เป็นคำอุทาน ได้แก่ What เช่น
What a man he is ! | เขาเป็นผู้ชายอะไรเนี่ย ! |
What an idea it is ! | มันเป็นความคิดอะไรกันหนอ ! |
What a piece of work he does ! | เขาทำงานชิ้นไหนน่ะ ! |
Emphasizing Adjective คืออะไร
Emphasizing Adjective แปลว่า “คุณศัพท์เน้นความ” หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อเน้นความให้มีน้ำหนักขึ้น ได้แก่ own (เอง), very (ที่แปลว่า “นั้น, นั้นเอง, นั้นจริงๆ”) เช่น
She said that she had seen it with her owneyes. |
หล่อนพูดว่าหล่อนได้เห็นมันมากับตาเธอเอง |
He is the very man who stole my wrist watch last night. |
เขาคือชายคนนั้นจริงๆ ผู้ซึ่งได้ขโมยนาฬิกาข้อมือของผมไปเมื่อคืนนี้ |
Supansa is my own girl-friend. |
สุพรรษาคือแฟนผมเอง |
(own, very เป็นคุณศัพท์เน้นความ ขยายนามที่ตามหลังให้มีน้ำหนักขึ้น) |
Possessive Adjective คืออะไร
Possessive Adjective แปลว่า “คุณศัพท์บอกเจ้าของหรือสามีคุณศัพท์” หมายถึง คำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกความเป็นเจ้าของของนาม ได้แก่ my, our, your, his, her, its และ their เช่น
This is my table. | นี้คือโต๊ะของฉัน |
Her book is on my desk. | หนังสือของหล่อนอยู่บนโต๊ะผม |
Our nation needs solidarity. | ชาติของเราต้องการความสามัคคี |
Their parents work hard every day. | มารดาบิดาของเขาทำงานหนักทุกวัน |
(my, her, our, their เป็นคุณศัพท์บอกเจ้าของวางไว้หน้านาม) |
Interrogative Adjective คืออะไร
Interrogative Adjective แปลว่า “คุณศัพท์บอกคำถามหรือปฤจฉาคุณศัพท์” หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อให้เป็นคำถาม โดยจะวางไว้ต้นประโยคและมีนามตามหลังเสมอ ได้แก่ What, Which, Whose เช่น
What book is he reading in the room ? | เขากำลังอ่านหนังสืออะไรอยู่ในห้อง ? |
Which way shall we go ? | เราจะไปทางไหนกันนี่ ? |
Whose shoes are these ? | นี้รองเท้าของใคร ? |
(What, Which, Whose เป็นคุณศัพท์บอกคำถาม อยู่หน้าประโยค) |
Demonstrative Adjective คืออะไร
Demonstrative Adjective แปลว่า “คุณศัพท์ชี้เฉพาะหรือนิยมคุณศัพท์” หมายถึง คำที่ใช้ชี้เฉพาะให้กับนามใดนามหนึ่ง ได้แก่ this, that (ใช้กับนามเอกพจน์) these, those (ใช้กับนามพหูพจน์)such, same เช่น
I invited that man to come in.
ผมได้เชิญผู้ชายคนนั้นให้เข้ามาข้างใน
ผมได้เชิญผู้ชายคนนั้นให้เข้ามาข้างใน
She hated such things because they made her ill.
หล่อนเกียจสิ่งเหล่านั้น เพราะมันทำให้เธอไม่สบาย
หล่อนเกียจสิ่งเหล่านั้น เพราะมันทำให้เธอไม่สบาย
He said the same thing two or three times.
เขาพูดถึงสิ่งเดียวกันนี้ 2 หรือ 3 ครั้งแล้วมั้ง
(that, such, same เป็นคุณศัพท์ชี้เฉพาะวางไว้หน้านาม)
เขาพูดถึงสิ่งเดียวกันนี้ 2 หรือ 3 ครั้งแล้วมั้ง
(that, such, same เป็นคุณศัพท์ชี้เฉพาะวางไว้หน้านาม)
Numberal Adjective คืออะไร
Numberal Adjective แปลว่า “คุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน” หมายถึง คำที่ไปขยายนาม เมื่อบอกจำนวนแน่นอนของนามว่ามีเท่าไหร่ แบ่งเป็นชื่อย่อยได้ 3 ชนิด คือ
- Cardinal Numberal Adjective คือ “คุณศัพท์ที่ใช้บอกจำนวนนับที่แน่นอนของนาม” ได้แก่one, two, three, four, five, six, seven, etc. เช่นMy hand has five fingers.
มือของผมมี 5 นิ้วShe gave me two apples and three mangoes.
หล่อนให้แอบเปิ้ล 2 ผล และมะม่วง 3 ผลแก่ผมWirat wants to buy seven pens.
วิรัติต้องการซื้อปากกา 7 ด้าม
(five, two, three, seven เป็นคุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอนวางไว้หน้านาม) - Ordinal Numberal Adjective คือ “คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกจำนวนนับเป็นลำดับที่ของนามนั้นๆ” ได้แก่ first, second, third, fourht, fifth, sixth, seventh, etc. เช่น
Thanu is the first boy to be rewarded in this school.
.
ธนูเป็นเด็กคนแรกที่ได้รับรางวัลในโรงเรียนนี้
Suvit won the third prize last month and the second one last week.
สุวิทย์ได้รับรางวัลที่ 3 เมื่อเดือนที่แล้ว และสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับรางวัลที่ 2
สุวิทย์ได้รับรางวัลที่ 3 เมื่อเดือนที่แล้ว และสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับรางวัลที่ 2
I am the seventh son of my family.
ผมเป็นลูกคนที่ 7 ของครอบครัวของผม
(first, third, second, severth เป็นคุณศัพท์บอกลำดับที่วางไว้หน้านาม)
ผมเป็นลูกคนที่ 7 ของครอบครัวของผม
(first, third, second, severth เป็นคุณศัพท์บอกลำดับที่วางไว้หน้านาม)
3. Multiplicative Adjective คือ “คุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม” ได้แก่ double, triple, fourfold เช่น
Some roses are double.
ดอกกุหลาบบางดอกก็มีกลีบ 2 ชั้น
ดอกกุหลาบบางดอกก็มีกลีบ 2 ชั้น
Buddha, Dhamma and Sangha are triple gems.
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คือแก้ว 3 ประการ
(double, triple เป็นคุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม)
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คือแก้ว 3 ประการ
(double, triple เป็นคุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม)
Quantitative Adjective คืออะไร
Quantitative Adjective แปลว่า “คุณศัพท์บอกปริมาณ” หมายถึง คำที่ไปขยายนาม เพื่อบอกให้ทราบปริมาณของสิ่งเหล่านั้นว่า มีมากหรือน้อย (แต่ไม่บอกจำนวนแน่นอน)ได้แก่
much
|
many
|
little
|
some
|
any
|
enough
|
half
|
great
|
all
|
whole
|
sufficient
|
etc.
|
เช่น
He ate much rice at school yesterday.
|
เขาทานข้าวมากอยู่ที่โรงเรียนเมื่อวานนี้
|
She did not give any money to her brother. | หล่อนไม่ได้ให้เงินแก่น้องชายของหล่อน |
Take great care of your health. | เอาใจใส่ต่อสุขภาพของคุณให้มากหน่อย |
(much, any, great ในประโยคทั้ง 3 เป็นคุณศัพท์บอกปริมาณ) |
Proper Adjective คืออะไร
Proper Adjective คืออะไร
Proper Adjective แปลว่า “คุณศัพท์บอกสัญชาติ” หรือจะเรียกว่า “วิสามัญคุณศัพท์ก็ได้” หมายถึงคำที่ไปขยายนามเพื่อบอกสัญชาติ ซึ่งอันที่จริงมีรูปเปลี่ยนแปลงมาจาก Proper Noun นั่นเอง ได้แก่ : -
Proper Noun Proper Adjective คำแปล
England English อังกฤษ
America American อเมริกา
Thailand Thai ไทย
India Indian อินเดีย
.
Germany German เยอรมัน
Italy Italian อิตาลี
Japan Japanese ญี่ปุ่น
China Chinese จีน etc.
เช่น : - He employs a Chinese cook.
เขาจ้างกุ๊กชาวจีนคนหนึ่ง
Descriptive Adjective คืออะไร
Descriptive Adjective คืออะไร
Descriptive Adjective แปลว่า “คุณศัพท์บอกลักษณะ” หมายถึง คำที่ใช้แสดงลักษณะหรือคุณภาพของคน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ เพื่อให้รู้ว่านามนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร ได้แก่ คำว่า
good
|
short
|
fat
|
foolish
|
brave
|
ugly
|
bad
|
black
|
thin
|
poor
|
cowardly
|
happy
|
tall
|
white
|
clever
|
rich
|
pretty
|
sorry etc.
|
เช่น
The rich man lives in the big house.
|
คนรวยอาศัยอยู่บ้านหลังใหญ่
|
A clever pupil can answer the difficultproblem.
|
นักเรียนที่ฉลาดสามารถตอบปัญหาี่ยากได้
|
The black cat caught a small bird.
|
แมวดำตัวนั้นจับนกตัวเล็กได้
|
(rich, big, clever, difficult, black และ small เป็นคุณศัพท์บอกลักษณะ) |
บทที่ 8 Adjective คืออะไร ใช้อย่างไร
Adjective แปลว่า “คุณศัพท์” หมายถึง “คำที่ไปทำหน้าที่ขยายนาม หรือสรรพนาม (ขยายสรรพนามต้องอยู่หลังตลอดไป) เพื่อบอกให้รู้ลักษณะ คุณภาพ หรือคุณสมบัติของนามหรือสรรพนามนั้นว่า เป็นอย่างไร ? เช่น ดีหรือชั่ว สูงหรือต่ำ ดำหรือขาว อ้วนหรือผอม แห้งหรือเปียก เหล่านี้เป็นต้น” เรียกคำเหล่านี้ว่า Adjective หรือคุณศัพท์ ได้แก่ คำว่า
good
|
ดี
|
wise
|
ฉลาด
|
this
|
นี้
|
bad
|
ชั่ว, เลว
|
red
|
แดง
|
those
|
เหล่านั้น
|
tall
|
สูง
|
fat
|
อ้วน
|
short
|
ต่ำ, สั้น
|
dirty
|
สกปรก
|
thin
|
ผอม
|
white
|
ขาว etc.
|
Adjective เวลานำไปพูดหรือเขียนมีวิธีใช้อยู่ 4 อย่างคือ
1.เรียงไว้หน้านามที่คุณศัพท์นั้นไปขยายโดยตรงได้ เช่น
The thin man can run very quickly.
คนผอมสามารถวิ่งได้เร็วมาก
คนผอมสามารถวิ่งได้เร็วมาก
A wise boy is able to answer a difficult problem.
เด็กฉลาดสามารถตอบปัญหาที่ยากได้
เด็กฉลาดสามารถตอบปัญหาที่ยากได้
The beautiful girl is wanted by a young boy.
สาวสวยย่อมเป็นที่หมายปองของเด็กหนุ่ม
สาวสวยย่อมเป็นที่หมายปองของเด็กหนุ่ม
(thin, wise, difficult, beautiful และ young เป็นคุณศัพท์เรียงขยายไว้หน้านามโดยตรง)
2.เรียงไว้หลัง Verb to be, look, feel, seem, get, taste, smell, turn, go, appear, keep, become, sound, grow, etc. ก็ได้ Adjective ที่เรียงตามกริยาเหล่านี้ถือว่าขยายประธาน แต่วางตามหลังกริยา เพราะฉะนั้นจึงมีชื่อเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่าเป็น “Subjective Complement” เช่น
I’m feeling a bit hungry.
ผมรู้สึกหิวนิดๆ แล้วนะ
ผมรู้สึกหิวนิดๆ แล้วนะ
Sugar tastes sweet.
น้ำตาลมีรสหวาน
น้ำตาลมีรสหวาน
This soup smells good.
แกงจืดนี้มีกลิ่นชวนทาน
แกงจืดนี้มีกลิ่นชวนทาน
She appears cheerful today.
วันนี้เธอดูร่าเริงดีนี่
วันนี้เธอดูร่าเริงดีนี่
(hungry, sweet, good และ cheerful เป็น Adjective เรียงไว้หลังกริยา feeling, tastes, smells และ appears ทั้งนั้น)
3.เรียงหลังคำนามที่ไปทำหน้าที่เป็นกรรม (Object) ได้ ทั้งนี้เพื่อช่วยขยายเนื้อความของตัวกรรมนั้นให้สมบูรณ์ขึ้น Adjective ที่ใช้ในลักษณะเช่นนี้เรียกว่าเป็น “Objective Complement” เช่น
.
Sukit made his wife happy.
สุกิจทำภรรยาของเขาให้มีความสุข
สุกิจทำภรรยาของเขาให้มีความสุข
I consider that man mad.
ผมพิจารณาดูแล้ว เจ้าคนนั้นเป็นบ้า
ผมพิจารณาดูแล้ว เจ้าคนนั้นเป็นบ้า
This matter made me foolish.
เรื่องนี้ทำให้ผมโง่ไปได้
เรื่องนี้ทำให้ผมโง่ไปได้
(happy, mad และ foolish เป็น Adjective ใช้เรียงหลังนาม และสรรพนามที่เป็น object คือ wife, man, me)
4.เรียง Adjective ไว้หลังคำนามได้ ไม่ว่านามนั้นจะทำหน้าที่เป็นอะไรก็ตาม ถ้า Adjective ตัวนั้นมีบุรพบทวลี (Perpositional Phrase) มาขยายตามหลัง เช่น
A parcel posted by mail today will reach him tomorrow.
พัสดุที่ส่งทางไปรษณีย์วันนี้จะถึงเขาวันพรุ่งนี้
พัสดุที่ส่งทางไปรษณีย์วันนี้จะถึงเขาวันพรุ่งนี้
(posted เป็น Adjective เรียงตามหลังนาม parcel ได้เพราะมีบุรพบทวลี by mail today มาขยายตามหลัง)
It was a battle famous in history.
มันเป็นสงครามที่มีชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์
มันเป็นสงครามที่มีชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์
(famous เป็นคุณศัพท์เรียงตามหลังนามได้ เพราะมีบุรพบทวลี in history มาขยายอยู่หลัง)
I have known the manger suitable for his position.
ผมได้รู้จักผู้จัดการคนนั้นซึ่งก็มีความเหมาะสมสำหรับตำแหน่งของเขาดีอยู่หรอก
ผมได้รู้จักผู้จัดการคนนั้นซึ่งก็มีความเหมาะสมสำหรับตำแหน่งของเขาดีอยู่หรอก
(suitable เป็นคุณศัพท์ เรียงไว้หลังนาม manager ได้ เพราะมีบุรพบท วลี for his position มาขยายตามหลัง)
***********************************************
ข้อยกเว้นการใช้ Adjective บางตัวเมื่อไปขยายนาม
Adjective ที่จะกล่าวต่อไปนี้ มีวิธีใช้ขยายนามหรือประกอบนามได้เพียงข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น จะประกอบหน้านาม หรือเรียงหลังกริยา จะใช้ทั้ง 2 อย่างไม่ได้ นั่นคือ
1.Adjective ต่อไปนี้เมื่อขยายนาม ให้ใช้แบบเรียงไว้หลังกริยาเท่านั้น ห้ามใช้แบบเรียงไว้หน้านามโดยเด็ดขาด ได้แก่
sorry
|
เสียใจ
|
afraid
|
กลัว
|
well
|
อยู่ดีสบาย
|
alive
|
มีชีวิตอยู่
|
ashamed
|
ละอายใจ
|
worth
|
มีค่า
|
awake
|
ตื่นอยู่
|
ill
|
ป่วย
|
alike
|
เหมือนกัน
|
asleep
|
หลับ
|
aware
|
ระวัง
|
alone
|
โดยลำพัง
|
content
|
พอใจ
|
unable
|
ไม่สามารถ
|
etc.
|
-
|
เช่น
ถูก | : | The president is sorry. | ประธานาธิบดีมีความเสียใจ |
ผิด | : | This is a sorry president. | นี้คือประธานาธิบดีผู้เสียใจ |
ถูก | : | That girl is afraid. | เด็กหญิงคนนั้นกลัว |
ผิด | : | This is an afraid girl. | นี้คือเด็กหญิงที่กลัว |
ถูก | : | He is well. | เขาอยู่ดีสบาย |
ผิด | : | He is a well man. | เขาเป็นคนอยู่ดีสบาย |
ถูก | : | Wilai is ashamed. | วิไลรู้สึกละอายใจ |
ผิด | : | Wilai is an ashamed girl. | วิไลเป็นเด็กหญิงขี้ละอายใจ |
2.Adjective ต่อไปนี้เมื่อใช้ขยายนาม ให้เรียงไว้หน้านามโดยตรง ห้ามใช้แบบเรียงหลังกริยาโดยเด็ดขาด ได้แก่
former
|
ก่อน
|
latter
|
หลัง
|
inner
|
ภายใน
|
outer
|
ภายนอก
|
upper
|
ข้างบน
|
elder
|
แก่กว่า
|
drunken
|
ขี้เมา
|
middle
|
กลาง
|
entire
|
ทั้งหมด
|
wooden
|
ทำด้วยไม้
|
golden
|
ทำด้วยทอง
|
especial
|
เฉพาะ
|
neighboring
|
เพื่อนบ้าน
|
-
|
-
|
-
|
-
|
เช่น
ถูก | : | Burma is a neighboring country. | |
ผิด | : | Burma is neighboring. | พม่าเป็นประเทศเพื่อนบ้าน |
ถูก | : | We met a drunken teacher. | พวกเราได้พบครูขี้เมาคนหนึ่ง |
ผิด | : | The teacher was drunken. | ครูคนนั้นเป็นคนขี้เมา |
ถูก | : | Sombat is my elder brother. | สมบัติเป็นพี่ชายของฉัน |
ผิด | : | He is elder. | เขาแก่กว่า (ฉัน) |
(elder ข้อแรกถูกเพราะวางหน้านาม elder ข้อหลังผิดเพราะวางหลังกริยา)
3.Adjective ที่ไปขยายสรรพนามผสม (Compound Pronoun) ต่อไปนี้ ให้เรียงไว้ข้างหลังสรรพนามผสมนั้นตลอดไป ได้แก่
someone
|
something
|
somebody
|
somewhere
|
everybody
|
everywhere
|
everything
|
everyone
|
anything
|
anybody
|
anyone
|
nowhere
|
nothing
|
no one
|
-
|
เช่น
I have something important to tell you. | ||
ฉันมีบางสิ่งที่จะบอกคุณ | ||
(อย่าใช้ | : | I have important something to tell you.) |
There’s nothing new for us to do. | ||
ไม่มีอะไรใหม่เลยสำหรับเราที่จะทำ | ||
(อย่าใช้ | : | There’s new nothing for us to do.) |
I don’t find anyone tall enough to clean the ceiling. | ||
ผมไม่เห็นใครรูปร่างสูงพอที่จะทำความสะอาดเพดานห้องได้เลย | ||
(อย่าใช้ | : | I don’t find tall anyone enough to clean the ceiling.) |
.
(important, new และ tall เป็นคุณศัพท์ เมื่อขยายสรรพนามผสมต้องเรียงไว้หลังถึงจะถูก หากเอามาเรียงไว้หน้าก็ผิดตามตัวอย่างข้างบน)
4.Adjective ที่แสดงการวัดขนาดต่างๆ ของนาม ต้องวางไว้หลังนามเสมอ เช่น
This river two hundred miles long. | ||
แม่น้ำสายนี้ยาว 200 ไมล์ | ||
(อย่าใช้ | : | This river is long two hundred miles.) |
This mountain is five hundred feet high. | ||
ภูเขาลูกนี้สูง 500 ฟุต | ||
(อย่าใช้ | : | This mountain is high five hundred feet.) |
Ladda is twenty years old. | ||
ลัดดามีอายุ 20 ปี | ||
(อย่าใช้ | : | Ladda is old twenty years.) |
5.Adjective ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป มาขยายนามตัวเดียวกัน จะวางไว้หน้านามโดยตรงนั้นก็ได้ หรือจะวางไว้หลังนามก็ได้ และหน้า Adjective ตัวสุดท้ายต้องมี and มาคั่นไว้เสมอ เช่น
Thongchan is a witty and wise teacher. | ||
หรือ
| Thongchan is a teacher, witty and wise. | |
ทองจันทร์เป็นครูที่มีไหวพริบและฉลาด | ||
He bought a new, powerful and expensive car. | ||
หรือ
| He bought a car new, powerful and expensive. | |
เขาได้ซื้อรถยนต์คันใหม่มีสมรรถภาพดี และราคาแพงมาคันหนึ่ง |
6.Adjective ที่เป็นสมญานาม ไปขยายนามที่เป็นชื่อเฉพาะ ให้วางหลังนามนั้นเสมอ และเขียนด้วยอักษรตัวใหญ่โดยมี the นำหน้าทุกครั้งด้วย เช่น
King Naresuan, the Great. | สมเด็จพระนเรศวรมหาราช | |
Ivan, the Terrible. | อีแวนตัวดุร้าย | |
Kukrit, the Wise of Siam. | คึกฤทธิ์เจ้าปัญญาแห่งสยาม | |
Hercules, the Strong of the world. | เฮอคิวลิสจอมพลังของโลก | เป็นต้น |
7.ถ้า Adjective นั้นเป็น Adjective Phrase (คุณศัพท์วลี) หรือ Adjective Clause (คุณานุประโยค) ไปขยายนามใด ให้เรียงไว้หลังนามนั้นตลอดไป เช่น
The tall man with his dog is my uncle.
ชายสูงที่มีสุนัขมาด้วยนั้นเป็นลุงของฉันเอง
(with his dog เป็น Adjective Phrase มาขยายนาม man จึงวางไว้หลัง)
ชายสูงที่มีสุนัขมาด้วยนั้นเป็นลุงของฉันเอง
(with his dog เป็น Adjective Phrase มาขยายนาม man จึงวางไว้หลัง)
The boy who is talking with the teacher is her brother.
เด็กชายที่กำลังพูดอยู่กับครูนั้นเป็นน้องชายของเธอ
(who is talk with the teacher เป็น Adjective Clause มาขยายนาม boy จึงวางไว้หลัง boy)
เด็กชายที่กำลังพูดอยู่กับครูนั้นเป็นน้องชายของเธอ
(who is talk with the teacher เป็น Adjective Clause มาขยายนาม boy จึงวางไว้หลัง boy)
8.Adjective ต่อไปนี้ เมื่อไปขยายอยู่หน้านามเอกพจน์ นับได้ ให้ใช้ a นำหน้านามนั้นเสียก่อน แล้วจึงวางคุณศัพท์เหล่านี้ขยายอีกทีหนึ่ง ได้แก่ half, such, too, so, quite, rather, many เช่น
He spent half a day on gambling. | เขาใช้เวลาเล่นการพนันครึ่งวัน |
Such a man cannot be allowed. | คนเช่นนั้นไม่สามารถอนุญาตให้ได้ |
It’s too hard a problem for him. | มันเป็นปัญหายากเกินไปสำหรับเขา |
He is so good a boy. | เขาเป็นเด็กดีทีเดียว |
She is quite a good pupil. | หล่อนเป็นนักเรียนดีจริงๆ |
Jack is rather a lazy boy. | แจ๊คเป็นเด็กค่อนข้างขี้เกียจ |
Many a dog is barking inside the house. | สุนัขหลายตัวเห่าอยู่ในบ้าน |
ชนิดของ Adjective ได้แก่
Adjective ในภาษาอังกฤษแบ่งออกได้ 11 ชนิดคือ : -
- Descriptive Adjective คุณศัพท์บอกลักษณะ
- Proper Adjective คุณศัพท์บอกสัญชาติ
- Quantitative Adjective คุณศัพท์บอกปริมาณ
- Numberal Adjective คุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน
- Demonstrative Adjective คุณศัพท์ชี้เฉพาะ
- Interrogative Adjective คุณศัพท์บอกคำถาม
- Possessive Adjective คุณศัพท์บอกเจ้าของ
- Distributive Adjective คุณศัพท์แบ่งแยก
- Emphasizing Adjective คุณศัพท์เน้นความ
10.Exclamatory Adjective คุณศัพท์บอกอุทาน
11.Relative Adjective คุณศัพท์สัมพันธ์
************************
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)