วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2559

Past Simple VS Present Perfect ต่างกันยังไง?


แหม! บังเอิญไปเจอเพื่อนเก่าชาวต่างชาติมา อยากจะพูดถึงเรื่องเก่าๆแทบขาดใจ แต่ไม่รู้จะพูดยังไงให้เขาเข้าใจดี ในเมื่อความรู้เรื่อง Tense ที่เราได้เคยเรียนมานั้นก็ได้ใส่กล่องปิดผนึกส่งคืนอาจารย์ไปหมดแล้ว แล้วงานนี้จะทำยังไงดีเนี่ย? ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้ขออาสามาบอกเอง ว่าเราจะพูดคุยขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตได้ยังไง
ก่อนอื่นเราจะต้องมาฟื้นความจำเรื่อง Tense กันก่อนค่ะ แต่ถ้าจะให้มาพูดถึงทั้ง 12 Tense นี่คิดว่าคงสลบก่อนจะได้ฟื้นความจำ เอาเป็นว่าเรามาพูดถึง Tense ที่จะทำให้เราเล่าเรื่องราวในอดีตได้ก่อนดีกว่านะคะ นั่นก็คือ Past Simple Tense และ Present Perfect Tense ค่ะ
Past Simple Tense

เรามาเริ่มกันที่ Past Simple Tense ก่อนดีกว่าค่ะ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมาตามชื่อ Tense เลยค่ะนั่นคือ เป็นการพูดถึงอดีตแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ส่วนมากจะใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีตแล้ว โดยมีรูปประโยคคือ
Subject + Verb 2 
ใช้พูดถึงเรื่องราวในอดีต เช่น
  • saw a movie last night.
    ฉันดูภาพยนตร์เมื่อคืนนี้ (ตอนนี้ไม่ได้ดูแล้ว)
  • didn’t wash my car.
    ฉันไม่ได้ล้างรถของฉัน (ตอนที่พูดรถอาจจะล้างไปแล้วก็ได้)
  • We talked on the phone for thirty minutes.
    เราคุยโทรศัพท์กันนานสามสิบนาที (ตอนนี้ไม่ได้คุยแล้ว)
  • He played football yesterday.
    เขาเล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้ (วันนี้ไม่ได้เล่นแล้ว)
  • We were tired after the trip.
    พวกเราเหนื่อยหลังจากกลับจากทริป (ตอนนี้ไม่เหนื่อยแล้ว)
  • Last year I went to England on holiday.
    ปีที่แล้ว ฉันไปเที่ยวประเทศอังกฤษมาใน (ตอนที่พูดไม่ได้อยู่ที่ประเทศอังกฤษ)
  • He took off his coat.
    เขาถอดเสื้อคลุมออก (ตอนนี้ไม่ได้ใส่แล้ว เพราะถอดออกไปแล้ว)

Present Perfect Tense

ส่วน Present Perfect Tense นั่นจะใช้พูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ส่งผลมายังปัจจุบัน หรือปัจจุบันนี้เรื่องนั้นยังไม่จบ โดยมีรูปประโยคคือ
Subject + has/have + Verb 3.
ใช้พูดถึงเรื่องราวในอดีต และปัจจุบัน โดย Has ใช้กับประธานเอกพจน์ (He, She, It) และ Have ใช้กับประธานพหูพจน์ (I, You, We, They) เช่น
  • The rain has stopped.ฝนหยุดตกแล้ว (แต่ถนนยังเปียกอยู่)
  • have been here for three years.
    ฉันอยู่ที่นี่มาสามปีแล้ว (ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่นี่)
  • A boy has played football since 4 o’clock.
    พวกเด็กๆผู้ชายเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่สี่โมง (ตอนนี้ยังไม่เลิกเล่นเลย)
  • have known you for ten years.
    ผมรู้จักคุณมาสิบปีแล้วนะ (ตอนนี้ยังรู้จักกันอยู่)
  • Have you ever seen ghosts?
    คุณเคยเห็นผีไหม? (ประโยคนี้ไม่ได้หมายความความว่าตอนนี้เขายังเห็นผีอยู่ แต่การถามว่าเคย หรือไม่เคย เราจะใช้ Present Perfect Tense)
  • Nobody has ever been there before.
    ไม่เคยมีใครอยู่ที่นี่มาก่อน (ไม่เคยมีใครอยู่มาก่อนจนกระทั่งที่ผู้พูดมาถึง)
สำหรับเรื่องของ Present Perfect Tense ส่วนใหญ่จะมีคำว่า since (ตั้งแต่) และ for (เป็นเวลา) อยู่ในประโยคด้วย
สรุปความแตกต่างระหว่าง Past Simple Tense กับ Present Perfect Tense

TensePast Simple TensePresent Perfect Tense
เกิด/ดับเกิดใน อดีต จบใน อดีตเกิดใน อดีต เกี่ยวเนื่องถึง ปัจจุบัน
ข้อสังเกตอาจมีการระบุเวลาว่าเมื่อไรอาจจะระบุหรือไม่ระบุก็ได้ ถ้าระบุจะมี since หรือ for ในประโยคด้วย
โครงสร้างSubject + Verb 2Subject + has/have + Verb 3
ตัวอย่างlost my key. (but I found it just now.)have lost my key.
 I went to Phuket last year.have gone to Phuket.
He walked to school yesterdayHe has walked to school for three years.
She drank milk this morning.She has drank milk since 1998.
We worked hard last week.We have worked hard.
 เป็นไงคะคราวนี้เราก็ไม่ต้องหวั่นใจอะไรทั้งนั้นแล้วแหละเวลาเราเจอเพื่อนเก่า อยากพูดอยากระบายความในใจอะไรบอกไปเลย แต่อย่าลืมนะคะว่าอะไรที่จบไปแล้ว (เช่นเรื่องตอนที่เคยไปเที่ยวด้วยกัน) เราต้องใช้ Past Simple Tense แต่ อะไรที่เรายังมีผลกับเราจนวันนี้ (เช่นความคิดถึง ความอาลัยอาวรณ์ ที่ยังมี) ให้ใช้ Present Perfect Tense ค่ะ เอาเป็นว่าลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ดิฉันว่าถ้าเราพูดได้ถูก Tense อารมณ์ที่สื่อออกไปมันจะใช่กว่านะคะ

หากอยากทบทวนทั้ง 12 Tenses คลิกดูข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ
Tense ทั้ง 12 Tenses

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559

TOP Brandname ชื่อดัง ที่คนไทยอ่านผิด(เพียบ!)

มาดูกันซิ ท่านอ่านคำไหนผิดบ้าง!
#LouisVuitton – เริ่มต้นที่แบรนด์ชื่อดังอย่างกระเป๋า หลุยส์-วิตรอง หรือ หลุยส์-ติ้งต๊อง ก่อนเลย ที่คนอ่านไทยกันนั้นผิดจ้า ต้องอ่านว่า “ลู-วี วิทอน” (lu-wy viton) ตัว s ไม่ต้องออกเสียงนะคะ –ภาษาฝรั่งเศสนั้นมี silent letters เยอะมาก (อักษรที่ไม่ต้องออกเสียง)

#Prada – หรือจะเป็นแบรนด์ดังจากเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ที่คนไทยอ่านกันว่า ปาด้า (โอ้โห! ไทยจ๋ามาเชีย!) เค้าอ่าน กันว่า “พรา-ด่า” (pra-da) นะจ้ะ (บอกแล้วไงว่า P ไม่ได้แทนด้วย ป ปลา โว้ะ!)




#Nike – คนไทยอ่านว่า ไน-กี้ ก็คงไม่ผิดเท่าไหร่นัก เมื่อฝรั่งอ่านว่า ไน-ขี่ (Nai-ke) หรือบางกลุ่มเรียกเป็น ไนค์ (Nike) ไปเลยก็มี (คล้าย ๆ Bike มอเตอร์ไซต์ อ่ะฮะ)

#Apple – คำนี้ไม่ใช่ แอ๊ปเปิ้ล อย่างที่คนไทยอ่านแน่นอน ให้อ่านว่า แอ๊บ-เพิ่ล เช่นเดียวกับ people นะคะ ให้ออกว่า พี้- เพิ่ล ไม่ใช่ พีเพิ้น แบบเน้! เฮ้อ เพลีย ><

#Samsung – คนไทยอ่าน ซัมซุง แต่ฝรั่งดั้นออก แซม-ซัง (sam-sung) เพราะงั้น อ่านให้ถูกนะเวลาคุยกับต่างชาติ

#Pepsi – ไม่ใช่ แป๊ปซี่ นะคะ อ่านว่า เพ็บ-สี่ (ไม่ต้องใช้ ซี่ หรอก ใช้ สี่ ก็พอ เสียง ซี่ มันสูงไป )

#Toyota – แบรนด์ดังรถยนต์ก็เช่นเดียวกัน ไทยแลนด์โอนลี่! อ่านว่า โตโยต้า จริง ๆ ต้องออกว่า โท-โย้-ถ่า

#Honda – อ่านว่า ฮอน-ด่ะ (hon-da) นะฮะ ทำเสียงต่ำ ๆ หน่อย ไม่ใช่ ฮอนด้า ซะสูงปรี๊ด!(คำสองพยางค์ พยางค์ท้ายส่วนใหญ่เป็นเสียงต่ำนะคะ)

ปิดท้ายด้วย #IKEA แบรนด์ดังเฟอร์นิเจอร์จากสวีเดนที่พึ่งมาเปิดใหม่ในไทย คนไทยจัด(เต็ม)ให้เป็น อี-เกียร์ เรียบร้อยแล้ว 55+ แท้จริงแล้ว ฝรั่งอ่านว่า ไอ- เคีย-(อ่า) ออกเสียง อ่า (a) เล็กน้อย แต่ถ้าจะเอาแบบชาวสวีดิชจ๋า...เลย ต้องอ่านว่า อิ-เค้ะ-ย้ะ  เอาแบบฝรั่งแหละเนาะ
อ่านชื่อแบรนด์ผิดก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แต่รู้เขา รู้เรา ไว้ก็ย่อมง่ายในการสื่อสาร ว่ามั้ย