วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บทที่ 5 Pronouns แปลว่าอะไร มีไว้สำหรับอะไร แบ่งเป็นกี่ชนิด

Pronoun แปลว่า “สรรพนาม” มีไว้สำหรับ “ใช้แทนชื่อจริงของคน, สัตว์, สิ่งของ และสถานที่ ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เอ่ยชื่อจริงนั้นซ้ำๆ ซากๆ ซึ่งเป็นการฟังไม่เพราะหู” ในภาษาอังกฤษ แบ่ง Pronouns ออกเป็น 8 ชนิด คือ


1. Personal Pronoun = บุรุษสรรพนาม
2. Possessive Pronoun = สรรพนามเจ้าของ
3. Definite Pronoun = สรรพนามชี้เฉพาะ
4. Indefinite Pronoun = สรรพนามไม่ชี้เฉพาะ
5. Interrogative Pronoun = สรรพนามคำถาม
6. Relative Pronoun = สรรพนามเชื่อมความ
7. Reflexive Pronoun = สรรพนามสะท้อน
8. Distributive Pronoun = สรรพนามแจกแจง 

---------------------------------------------------------------------------------------------------

1. Personal Pronoun = บุรุษสรรพนาม คลิกเพื่ออ่านรายละเอียด

Personal Pronoun คืออะไร แปลว่าอะไร

Personal Pronoun แปลว่า “บุรุษสรรพนาม” มีไว้สำหรับใช้แทนชื่อจริงของผู้พูด, แทนชื่อจริงของผู้ฟัง และแทนชื่อจริงของบุคคลหรือสัตว์, สิ่งของ ที่เราเอ่ยถึง บุรุษสรรพนามแบ่งออกเป็น 2 พจน์ และ 3 บุรุษ ได้ดังนี้
บุรุษที่ 1 : เอกพจน์  I (ฉัน, ผม)- ใช้แทนชื่อผู้พูดคนเดียว
พหูพจน์ We (พวกเรา, เรา)- ใช้แทนชื่อผู้พูดหลายคน

บุรุษที่ 2 :You (คุณ, ท่าน)- ใช้แทนชื่อผู้ที่เรา พูดด้วย คนเดียว
          You (พวกคุณ, พวกท่าน)- ใช้แทนชื่อผู้ที่เราพูดด้วยหลายคน

บุรุษที่ 3 : He (เขา)- ใช้แทนชื่อผู้ชายคนเดียวที่เราพูดถึง
She (หล่อน, เธอ)- ใช้แทนชื่อผู้หญิงคนเดียวที่เราพูดถึง
It (มัน)- ใช้แทนชื่อสัตว์, สิ่งของและสถานที่ที่เรา พูดถึงสิ่งเดียว, อันเดียว
They (พวกมัน, พวกเขา)- ใช้แทนชื่อผู้ที่เราพูดถึงหลายคนหลายสิ่ง และหลายสถานที่

นอกจากนี้แล้ว Personal Pronoun ยังแจกออกไปได้อีก 5 รูป ตามหน้าที่การใช้ทางไวยากรณ์คือ
Nominative Case
(ใช้เป็นประธาน)
Accusative Case
(ใช้เป็นกรรม)
Possessive
Adjective
(คุณศัพท์เจ้าของ)
Possessive
Pronoun
(สรรพนามเจ้าของ)
Reflexive
(เน้น, ย้ำ ถึงความเป็นเจ้าของ)
I
me
my
mine
myself
We
us
our
ours
ourselves
You
you
your
yours
yourself, -ves
He
him
his
his
himself
She
her
her
hers
herself
It
it
it
its
itself
They
them
their
theirs
themselves

หน้าที่ของ Personal Pronoun
Personal Pronoun รูปที่ 1 ได้แก่ I, We, You, He, She, It และ They ใช้ทำหน้าที่ดังต่อไปนี้
1.ใช้ทำหน้าที่เป็นประธาน (Nominative Case) ของกริยาในประโยค เช่น
I know everything from him.
ผมรู้ทุกสิ่งจากเขา
You can speak English better than French.
คุณพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าภาษาฝรั่งเศส
He is ready to start now.
เขาพร้อมที่จะเริ่มได้เดี๋ยวนี้แล้ว
They like to play football after class.
พวกเขาชอบเล่นฟุตบอลหลังจากเลิกเรียน
(I, You, He และ They ทำหน้าที่เป็น Nominative Case ในประโยค)
2.ใช้ทำหน้าที่เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยา (Subjective Complement) ซึ่งส่วนมากจะวางตามหลัง Verb to beเสมอ เช่น
If I were he, I wouldn’t go there exactly.
ถ้าผมเป็นเขา ผมจะไม่ไปที่นั่นอย่างเด็ดขาด
It is I who can speak English here.
ผมเองเป็นผู้พูดภาษาอังกฤษได้ที่นี

Personal Pronoun รูปที่ 2 คือ me, us, you, him, her, it และ them ใช้ทำหน้าที่ได้ดังนี้
1.ใช้ทำหน้าที่เป็นกรรม (Object) ของกริยาในประโยคได้ เช่น
Amnat meets me at school every day.
อำนาจพบกับผมที่โรงเรียนทุกวัน
We love them very much.
พวกเรารักเขามากๆ
The teacher watched us playing football.
คุณครูดูเราเล่นฟุตบอล
2.ใช้ทำหน้าที่เป็นกรรม (object) ของ Preposition ได้ เช่น
She is very pleased to stay with him.
หล่อนดีใจมากที่พักอยู่กับเขา
We pay attention to her alone.
พวกเราให้ความสนใจเธอคนเดียวเท่านั้น
My father thought of me a lot when I left him for Bangkok.
คุณพ่อของฉันคิดถึงฉันมากเมื่อตอนฉันได้จากท่านไปกรุงเทพฯ

3.ใช้ทำหน้าที่เป็นประธานของ Infinitive ได้ เช่น
He asked me to work with him here. (me เป็นประธานของ to work)
เขาขอร้องผมให้ทำงานอยู่กับเขาที่นี่
I told her to study English at once. (her เป็นประธานของ to study)
ผมบอกหล่อนให้รีบเรียนภาษาอังกฤษเอาไว้
การใช้ It ภาคสมบูรณ์
It นั้นเป็นบุรุษสรรพนาม คือ บุรุษที่ 3 เอกพจน์ ความเข้าใจทั่วไปเกี่ยวกับ it เรามักจะรู้กันในความหมายแคบๆ ว่าใช้แทนสัตว์, สิ่งของ, สถานที่ ที่เป็นเอกพจน์เท่านั้น แต่ความเป็นจริงของหลักภาษาแล้ว มีวิธีใช้แทนของได้หลายอย่างดังต่อไปนี้
ใช้กับสัตว์, สิ่งของ, สถานที่ เช่น
This is my dog. It is a grateful animal.
นี้คือสุนัขของฉัน มันเป็นสัตว์ที่รู้คุณเจ้าของได้ดีมาก
Seni likes this car. She bought it from Japan.
เสนีชอบรถยนต์คันนี้ เธอได้ซื้อมาจากญี่ปุ่น
My home is in Korat. It is far from Bangkok about 300 km.
บ้านของผมอยู่โคราช มันอยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณ 300 กม.
ใช้เกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ, เวลา, ระยะทาง เช่น
It is very hot today.
วันนี้อากาศร้อนมาก
It is raining too much outside.
ข้างนอกฝนกำลังตกมาก
It is five minutes to two.
อีก 5 นาที บ่าย 2 โมง (13.55)
It is two hundred miles to Bangkok.
ไปกรุงเทพฯ ระยะทาง 200 ไมล์
.
It takes two hours to Bangsaen.
ไปบางแสนกินเวลา 2 ชม.
ใช้เป็นประธานของ Verb to be ในกรณีที่ไปนำหน้า Clause หรือ Phrase ต่างๆ เช่น
It is probable that it will rain today.
มีทางเป็นไปได้ที่ว่าวันนี้ฝนจะตก
It is very easy to do this job.
ง่ายมากที่จะทำงานนี้
ทั้ง 2 ประโยคนี้อาจเรียงเสียใหม่ก็ได้ ถ้าไม่มี it มาเป็นประธาน โดยเรียงประโยคได้ดังนี้
That it will rain today is probable.
ที่ว่าฝนจะตกในวันนี้นั้น พอมีทางเป็นไปได้
To do this job is very easy.
การทำงานชิ้นนี้เป็นของง่ายมาก
ใช้กับเด็กทารกที่เกิดใหม่หรือเด็กเล็ก โดยเฉพาะเมื่อผู้พูดยังไม่ทราบเพศมาก่อน หรือกล่าวโดยไม่คำนึงถึงเพศ เช่น
Look at that long-haired child. It is pretty.
ดูเด็กผมยาวคนนั้นซิ แหมน่ารักจัง
The baby is in bed. It is crying.
เด็กนอนอยู่ที่เตียง แกกำลังร้องไห้อยู่
ใช้ It ในสำนวนของประโยค Passive Voice ต่อไปนี้ เช่น
It is said that………………………กล่าวกันว่า…………………….
It is hoped that…………………… หวังกันว่า………………………
It is believed that ……………….. เชื่อกันว่า………………………
It is understood well that………. เป็นที่เข้าใจกันดีว่า……………
It is believed that negligence is the path of death.
เชื่อกันว่าความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย
การใช้ Subject Form และ Object Form ตามหลัง Verb to be และคำที่คล้าย Verb to be 
2. Possessive Pronoun = สรรพนามเจ้าของ 
3. Definite Pronoun = สรรพนามชี้เฉพาะ
4. Indefinite Pronoun = สรรพนามไม่ชี้เฉพาะ
5. Interrogative Pronoun = สรรพนามคำถาม
6. Relative Pronoun = สรรพนามเชื่อมความ
7. Reflexive Pronoun = สรรพนามสะท้อน
8. Distributive Pronoun = 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น