วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สุดยอดคลิป ฝรั่งพูดอิสาน

https://web.facebook.com/videocliphaha/videos/2267511323517806/

ตกใจ ทำไมคุณ มาร์ติน วิลเลอร์ หย่ากับภรรยา???
ดูข่าวนี้แล้วรู้สึกตกใจมากและสงสาร คุณมาร์ติน  แบบนี้ถ้าภรรยาฟ้องหย่า คุณมาร์ตินก็ไม่มีสิทธ์อะไรในที่ดิน ที่แกลงทุนลงแรงมา 20 กว่าปีเลยใช่หรือเปล่าคะ


https://www.youtube.com/watch?v=Q0ts3Ddh1ZM

13 ปีก่อน คนไทยได้รู้จักมาร์ติน วีลเลอร์ เขยฝรั่งของชาวขอนแก่นที่ปฏิเสธทุนนิยม หลงใหลชีวิตในสังคมอีสาน ปัจจุบันเขายังคงเป็นวิทยากรเดินสายเผยแพร่แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง แม้ครอบครัวจะแตกแยก แต่เขายืนยันว่าจะไม่หนีไปไหน

การใช้ชีวิตของมาร์ตินวีลเลอร์ในภาคอีสานของประเทศไทย ปัจจุบัน เขาคือวิทยากร ที่ใช้ภาษาอีสาน ในการบรรยาย และเป็นนักแสดงรับเชิญ ในภาพยนตร์อีสานหลายเรื่อง เขาเป็นที่รู้จัก ในมุมของสังคม แต่อีกมุมหนึ่ง ที่สังคม รู้จักน้อย เขาใช้ชีวิตอย่างสมถะ ในสังคม บ้านนอกอีสาน ที่รู้จักแบ่งปัน จากนักเรียนเกียรตินิยมอันดับ 1  มหาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ แต่เขาขอใช้ชีวิต แบบคนอีสานจนจน แต่ เขาไม่เคยจนความคิด ไม่ท้อถอย ถึงแม้ว่าจะผิดหวัง ในสถาบันครอบครัว เขา ก็ยังมีลมหายใจ เพื่อที่จะเดินข้ามผ่าน ความจริงของคำว่าคนอีสาน










========================================================

มุมคิดน่าอ่าน จากฝรั่งหัวใจไทย มาร์ติน วีลเลอ"คนไทยมีพระเจ้าอยู่หัว มีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีศาสนาพุทธที่ดีมาก ทั้ง 3 อย่างนี้ พยายามรักษาเอาไว้ให้ได้"


          นี่เป็นคำพูดจากใจของ นายมาร์ติน วีลเลอร์ ชาวอังกฤษวัย 44 ปี ที่วันนี้ตัดสินใจลงหลักปักฐานในหมู่บ้านเล็ก ๆ จังหวัดขอนแก่น เขาใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาชาวไทย คุณรจนา และลูก ๆ ทั้งสามคน ได้แก่ ด.ช.อิริค, ด.ญ.แอนนี่ และ ด.ช.ดิเรก วีลเลอร์ ....แน่นอนว่า มาร์ติน วีลเลอร์ เป็นฝรั่งหนุ่มอีกคนที่ตกหลุมรักความเป็นไทย หลงเสน่ห์วิถีแบบไทย แต่ในความชื่นชมและชื่นชอบประเทศของเรานั้น มีอะไรแปลกแตกต่างและน่าทึ่ง ซึ่งเราอยากให้ทุกคนได้รับรู้

          มาร์ติน วีลเลอร์ (Martin Wheeler) ฝรั่งหนุ่มที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยก่อนจะใช้เงินหมดและจำใจต้องทำงานเป็นครูสอนภาษาเพื่อแลกเงิน ซึ่งขัดกับอุดมการณ์และเป็นสิ่งที่ตัวเขาเองไม่ชอบ ช่วงที่ทำงานในกรุงเทพฯ ราว 11 เดือน วีลเลอร์ได้เจอกับภรรยา และไม่นานพวกเขามีลูกด้วยกัน ทำให้วีลเลอร์เริ่มคิดถึงชีวิตของภรรยาและลูกที่ต้องรับผิดชอบ จึงตัดสินใจไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดของภรรยา เพราะคิดว่าชีวิตชนบทน่าจะพออยู่พอกินมากกว่าในเมือง

          "ผมตกลงกับแฟนว่า ผมจะไม่รับจ้างสอนภาษาอังกฤษ เขาก็ตกลง แต่ปัญหาคือ ผมทำเกษตรไม่เป็น ช่วงแรกก็ลำบาก ต้องรับจ้างแบกอิฐแลกค่าจ้างวันละร้อยยี่สิบบาท โอ้โฮ...เหนื่อย เพราะที่อังกฤษถึงจะแดดร้อน แต่อากาศเย็น แต่ขอนแก่นช่วงหน้าร้อน บางครั้งผมเป็นลมเลย โอ๊ย.! ฝรั่งมันบ้า ทำไม ไม่กลับบ้าน คิดผิดหรือเปล่า ทำไมต้อง มาลำบากขนาดนี้ เขาคิดว่าผมเป็นฆาตกรไปฆ่าคนที่อังกฤษ แล้วกลับบ้านไม่ได้ หนีคดีมา ความจริงไม่ใช่ ผมก็แค่อยากหาคำตอบในชีวิต อยากหาความสุขที่เป็นแบบยั่งยืนสักหน่อย"

          ชาวขอนแก่นในละแวกบ้านหลายคนบอกว่าเขาบ้า เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นฝรั่งตกอับ เพราะนิยามของคนไทยจำนวนไม่น้อยมองว่า ฝรั่งที่แต่งงานกับสาวไทย คือผู้พยุงฐานะและนำความมั่งมีมาสู่ครอบครัว แต่สำหรับ มาร์ติน วีลเลอร์ บ้านของเขาและคุณรจนา ภรรยา เป็นเพียงบ้านที่สร้างจากใบหญ้าที่นำมามุงหลังคา หรือที่ชาวบ้าน เรียกว่า เถียงนา เท่านั้น          แต่ถึงอย่างนั้น วีลเลอร์ ก็พร้อมจะบอกใคร ๆ ว่าเขารวย ไม่ใช่เพราะฐานะเดิมของครอบครัวในบ้านเกิดเมืองผู้ดีของเขา ที่ผู้เป็นพ่อมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการบริษัทสารเคมี มีลูกน้องนับหมื่นคน แม่เป็นครูสอนไวโอลิน และตัวเขาเองจบการศึกษาปริญญาตรี เกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยลอนดอน หากแต่นิยามความรวยของ มาร์ติน วีลเลอร์ เป็นดังนี้...



 มาร์ติน วีลเลอร์ 


นิยามความรวยของ มาร์ติน วีลเลอร์

          - วีลเลอร์ บอกว่าความรวยอย่างแรกของเขาคือ การมีบ้านเป็นของตัวเอง บ้านของเขาเป็นกระท่อมน้อย ๆ แม้ใคร ๆ จะบอกว่านี่มันไม่ใช่บ้าน แต่สำหรับเขาแล้ว เถียงนา ในความหมายของคนอื่น ยังไงก็คือบ้านในความหมายของเขา บ้านที่ไม่ต้องเสียเงินเช่าใครอยู่ บ้านที่เขาเป็นเจ้าของร้อยเปอร์เซ็นต์ บ้านที่กันแดดกันฝนได้...นี่แหละ รวยแล้ว เพราะมีบ้านอยู่เป็นของตัวเอง

          - นอกจาก "บ้าน" วีลเลอร์ และภรรยายังมีที่ดินอีก 6 ไร่ ซึ่งอาจดูเหมือนน้อยมากสำหรับคนไทย เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยโชคดีมีที่ดินเป็นสิบ ๆ ร้อย ๆ ไร่ แต่สำหรับฝรั่งแล้ว แค่ 6 ไร่ก็เยอะมากมาย เพราะคนในอังกฤษส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมืองถึงจะพอมีฐานะแต่ก็ไม่ใช่คนรวย ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง คนอังกฤษที่รวยจริง ๆ จะใช้ชีวิตอยู่ในชนบท เป็นพวกขุนนาง ข้าราชการ เพราะมีที่ดินเยอะ ดังนั้น แค่เรามีที่ดินก็ถือว่ารวยแล้ว เพราะมันเป็นของเรา การมีบ้านมีที่ดินอยู่เป็นของตัวเอง จึงเป็นหลักประกันได้ว่า ลูกหลานของเราก็จะมีที่อยู่ที่กินในอนาคตด้วย
          "ถ้าเรามีที่ดิน เราก็สามารถทำการเกษตรได้ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยเก่ง แต่ที่ทำได้ง่ายคือ ปลูกต้นไม้ อย่างเช่น ไม้ประดู่ ไม้สะเดา ไม้ยาง ปลูกไว้ให้ลูกสร้างบ้าน ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้โตเร็วมาก  25 - 30 ปี ตัดได้แล้ว เป็นเรื่องแปลกที่คนไทยจะบ่น โอ๊ย ๆ มันร้อน ๆ ผมว่ากลับเป็นเรื่องดี แสงแดดเยอะจะทำการเกษตรได้ ตลอดเวลา 1 ปี ทำได้ทุกวัน แต่คนไทยจะบ่นว่าร้อน ๆ ไม่เอา ๆ อยากเป็นคนผิวขาวดีกว่า แต่คนอังกฤษเขาถือคนผิวขาวเป็นคนจน เพราะว่าไม่มีปัญญาจะไปเมืองนอก ซึ่งกลับกันเลย"

          มาร์ติน วีลเลอร์ บอกด้วยว่า ความแปลกของไทยอีกอย่างคือ เรื่องคนรวยกับคนจน เพราะคนไทยที่ยากจนส่วนใหญ่จะมีหนี้สินมาก ขณะที่ประเทศอังกฤษ คนรวยเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะมีหนี้สิน เพราะคนยากจนจะไม่มีใครกล้าให้กู้หนี้ยืมสิ้น ด้วยกลัวว่าจะไม่มีทางหาเงินมาใช้คืนให้ได้ นี่จึงเป็นอีกเรื่องที่ทำให้เขางงกับคำว่า รวย และ จน ว่ามันคืออะไรกันแน่!?!?

ในการดำเนินชีวิตของฝรั่งหัวใจไทยคนนี้ มีสิ่งสำคัญอยู่ 2 เรื่อง คือ...

          1. ต้องมีบ้านเป็นของตัวเองให้ได้ จึงจะถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิต

           2. ต้องมีงานทำทุกวัน ไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นงานอะไร แต่ขอให้มีงานทำทุกวัน ชีวิตจึงจะไม่สูญเปล่า

          ทั้งนี้ วีลเลอร์ ให้เหตุผลว่า เมื่อมีบ้าน มีงาน ลูกของเขาก็จะรวยที่สุด โดยเฉพาะงานอิสระและมีประโยชน์อย่าง งานเกษตรกรรม เพราะเป็นงานที่ทำให้ท้องได้กินอิ่มทุกวัน แถมยังมีเหลือแจกเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่น เขามองว่าคนชนบทที่มีที่ดินอย่างไรเสียก็ไม่ตกงาน เว้นแต่คนขี้เกียจ ซึ่งบางคนมีที่ดินเยอะแต่ไม่ยอมทำ  



 มาร์ติน วีลเลอร์



มุมมอง จุดอ่อน – จุดแข็งของคนไทย

          จุดอ่อนของคนไทย ในความคิดของวีลเลอร์ เขามองว่าคนไทยส่วนมากยังไม่เข้าใจระบบทุนนิยม เพราะเห็นฝรั่งที่ไหนก็คิดว่ารวยหมด คิดว่าการพัฒนาในระบบทุนนิยมจะทำให้ทุกคนมีเงิน อาจเพราะไม่เข้าใจว่าประเทศที่พัฒนาระบบทุนนิยมนานแล้ว เช่น อังกฤษ, สหรัฐ ฯลฯ มีปัญหาเยอะมาก แต่คนไทยก็คิดว่าเมืองนอกดีกว่า อันนี้เป็นจุดอ่อน คือคนไทยสนใจเมืองนอก ไม่ได้สนใจประเทศไทย และที่ทุกคนฟังแนวคิดของพวกเขา เพราะเขาเป็นฝรั่ง ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไป คนก็จะไม่สนใจ อันนี้เป็นจุดอ่อน

          และปัญหาของใกล้ตัวที่เขาสัมผัสได้จากคนอีสานนั้น คือเรื่องของการศึกษา คนอีสานส่วนมากไม่อยากให้ลูกเป็นคนอีสาน ไม่อยากให้ลูกเป็นคนบ้านนอก ไม่อยากให้ลูกพูดภาษาอีสาน ชาวบ้านส่วนมากคิดอยากให้ลูกได้ดีในชีวิต คิดว่าสิ่งที่ดีในชีวิตของลูกคือ...

1. ไม่ได้พูดอีสาน พูดแต่ภาษากลาง

2. พูดภาษาอังกฤษด้วย

3. เล่นคอมพิวเตอร์ได้

4. ไปอยู่ในเมือง

5. ไปรับจ้างเขา

6. ไปสร้าง หนี้สิน ไปซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ ราคา 2-3 ล้านบาท

          ที่กล่าวมานี้ คนอีสานมักคิดว่าลูกของเขาได้ดี ซึ่งในมุมของวีลเลอร์ เขากลับไม่เห็นด้วย เพราะเขาเองก็อยากให้ลูกได้ดีเหมือนกัน แต่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ปัจจัยที่จะช่วยให้เขามีชีวิตที่ดี อาจจะเอาไปแลกเงินในบางช่วงได้ แต่ชีวิตน่าจะมีไว้เพื่อหาสิ่งที่ไม่ใช่เงิน

          "ถ้าเขาเรียนรู้เพื่ออยากจะหาเงินอย่างเดียวก็น่าเสียใจนะ เพราะความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่การเรียนรู้เป็นสิ่งที่เราต้องทำ ทุกวันตลอดชีวิต เราหยุดเรียนรู้ไม่ได้ แต่เราไม่น่าจะเรียนเพื่อเอาความรู้ เอาปริญญา ไปแลกกับเงิน ทำให้ความรู้ไม่มีคุณค่า"

          ส่วนจุดแข็งของคนไทย คือ "ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์" วีลเลอร์ บอกว่าคนไทยน่าอิจฉาที่มีแผ่นดินอุดมสมบูรณ์มาก ๆ มีดินเยอะ น้ำเยอะ แสงแดดเยอะ ทำเกษตรได้สบาย และยังโชคดีมาก ๆ ที่มีในหลวงเป็นผู้นำ พระองค์ท่านเป็นคนที่ทำงานหนักมาก เพื่อช่วยให้คนคิดได้ ช่วยให้คนอยู่ได้ จะหากษัตริย์ในประเทศอื่นไม่ค่อยมีแบบนี้  
          "ปัญหาคือ คนไทยส่วนมากนับถือในหลวง แต่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสอนของในหลวง เอาอย่างเดียวคือ ยกมือไหว้ในหลวง แต่เวลาดำรงชีวิตไม่ได้ทำตามในหลวง ถ้าทุกคนเริ่มคิดจริง ๆ ถึงสิ่งที่ในหลวงพูด เราน่าจะช่วยให้ประเทศไทยอยู่ได้ เพราะความคิดของในหลวง เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงต้องอาศัยพลังแผ่นดิน ทำได้เฉพาะประเทศไทยนะ เศรษฐกิจพอเพียงที่อื่นทำไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่มีที่ดิน ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะเหมือนประเทศไทย"

          ศาสนา...ยังเป็นอีกเรื่องที่วีลเลอร์รู้สึกชื่นชมและมองว่าเป็นจุดแข็งของคนไทย เขามองว่า ธรรมะคือธรรมชาติ เป็นเรื่องง่าย ๆ พึ่งตนเองก็ได้ ทั้งยังเป็นศาสนาที่ออกแบบให้เหมาะสมสำหรับคนบ้านนอก ให้ใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติโดยไม่ทำลาย ไม่เอาเปรียบ แต่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

สิ่งที่ฝรั่งคนนี้ฝากถึงคนไทย
          คนไทยน่าอิจฉา เพราะมี 3 สิ่งที่ดีมากและควรต้องรักษาเอาไว้ให้ได้คือ มีพระเจ้าอยู่หัว มีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีศาสนาพุทธที่ดีมาก วีลเลอร์เชื่ออย่างนั้น และอยากให้ทุกคนภูมิใจในความคุณค่าความเป็นไทย เพราะเป็นโชคดีที่คนในแผ่นดินไทยไม่ต้องไปรบกับใคร ไม่ต้องไปเอาน้ำมันจากใคร ไม่ต้องไปเบียดเบียนคนอื่น ประเทศไทยอยู่ได้ กินอิ่ม มีเหลือแจก ดังนั้น อย่าไปคิดเรื่องเงินอะไรมาก เพราะจริง ๆ แล้วคนไทยส่วนมากนิสัยดี มีน้ำใจ ซึ่งหาได้ยากในชาติอื่น           "ผมเองถึงยังทำไม่สำเร็จ แต่มั่นใจว่า จะทำได้แน่ในอนาคต ถ้าผมทำได้ คนอื่นก็คงทำได้ง่ายกว่าผมเยอะ ทุกอย่างอยู่ที่เรา ถ้าเราไม่อยากได้อะไรมากเกินไปในชีวิต ชีวิตมันก็ง่าย พยายามทำให้ชีวิตมันง่ายขึ้น อย่าให้มันสับสน อย่าให้มันลำบาก พยายามรักษาสิ่งแบบนี้ให้ดี และอย่าเชื่อฝรั่งมากเกินไป"

          วิธีคิดที่ไม่ธรรมดาของ มาร์ติน วีลเลอร์ วันนี้มีผู้คนมากมายแวะเวียนไปดูชีวิตแบบฉบับเกษตรพอเพียงของเขา และวินาทีที่ได้รับรู้เรื่องราวของผู้ชายคนนี้ นอกจากความประทับใจแล้ว เชื่อว่าคงทำให้หลายคนรู้สึกรักประเทศไทยของเรามากยิ่งขึ้นไปอีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น