วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บทที่ 8 Adjective คืออะไร ใช้อย่างไร

Adjective แปลว่า “คุณศัพท์” หมายถึง “คำที่ไปทำหน้าที่ขยายนาม หรือสรรพนาม (ขยายสรรพนามต้องอยู่หลังตลอดไป) เพื่อบอกให้รู้ลักษณะ คุณภาพ หรือคุณสมบัติของนามหรือสรรพนามนั้นว่า เป็นอย่างไร ? เช่น ดีหรือชั่ว สูงหรือต่ำ ดำหรือขาว อ้วนหรือผอม แห้งหรือเปียก เหล่านี้เป็นต้น” เรียกคำเหล่านี้ว่า Adjective หรือคุณศัพท์ ได้แก่ คำว่า

good
ดี
wise
ฉลาด
this
นี้
bad
ชั่ว, เลว
red
แดง
those
เหล่านั้น
tall
สูง
fat
อ้วน
short
ต่ำ, สั้น
dirty
สกปรก
thin
ผอม
white
ขาว etc.
Adjective เวลานำไปพูดหรือเขียนมีวิธีใช้อยู่ 4 อย่างคือ
1.เรียงไว้หน้านามที่คุณศัพท์นั้นไปขยายโดยตรงได้ เช่น
The thin man can run very quickly.
คนผอมสามารถวิ่งได้เร็วมาก
wise boy is able to answer a difficult problem.
เด็กฉลาดสามารถตอบปัญหาที่ยากได้
The beautiful girl is wanted by a young boy.
สาวสวยย่อมเป็นที่หมายปองของเด็กหนุ่ม
(thin, wise, difficult, beautiful และ young เป็นคุณศัพท์เรียงขยายไว้หน้านามโดยตรง)
2.เรียงไว้หลัง Verb to be, look, feel, seem, get, taste, smell, turn, go, appear, keep, become, sound, grow, etc. ก็ได้ Adjective ที่เรียงตามกริยาเหล่านี้ถือว่าขยายประธาน แต่วางตามหลังกริยา เพราะฉะนั้นจึงมีชื่อเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่าเป็น “Subjective Complement” เช่น
I’m feeling a bit hungry.
ผมรู้สึกหิวนิดๆ แล้วนะ
Sugar tastes sweet.
น้ำตาลมีรสหวาน
This soup smells good.
แกงจืดนี้มีกลิ่นชวนทาน
She appears cheerful today.
วันนี้เธอดูร่าเริงดีนี่
(hungry, sweet, good และ cheerful เป็น Adjective เรียงไว้หลังกริยา feeling, tastes, smells และ appears ทั้งนั้น)
3.เรียงหลังคำนามที่ไปทำหน้าที่เป็นกรรม (Object) ได้ ทั้งนี้เพื่อช่วยขยายเนื้อความของตัวกรรมนั้นให้สมบูรณ์ขึ้น Adjective ที่ใช้ในลักษณะเช่นนี้เรียกว่าเป็น “Objective Complement” เช่น
.
Sukit made his wife happy.
สุกิจทำภรรยาของเขาให้มีความสุข
I consider that man mad.
ผมพิจารณาดูแล้ว เจ้าคนนั้นเป็นบ้า
This matter made me foolish.
เรื่องนี้ทำให้ผมโง่ไปได้
(happy, mad และ foolish เป็น Adjective ใช้เรียงหลังนาม และสรรพนามที่เป็น object คือ wife, man, me)
4.เรียง Adjective ไว้หลังคำนามได้ ไม่ว่านามนั้นจะทำหน้าที่เป็นอะไรก็ตาม ถ้า Adjective ตัวนั้นมีบุรพบทวลี (Perpositional Phrase) มาขยายตามหลัง เช่น
A parcel posted by mail today will reach him tomorrow.
พัสดุที่ส่งทางไปรษณีย์วันนี้จะถึงเขาวันพรุ่งนี้
(posted เป็น Adjective เรียงตามหลังนาม parcel ได้เพราะมีบุรพบทวลี by mail today มาขยายตามหลัง)
It was a battle famous in history.
มันเป็นสงครามที่มีชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์
(famous เป็นคุณศัพท์เรียงตามหลังนามได้ เพราะมีบุรพบทวลี in history มาขยายอยู่หลัง)
I have known the manger suitable for his position.
ผมได้รู้จักผู้จัดการคนนั้นซึ่งก็มีความเหมาะสมสำหรับตำแหน่งของเขาดีอยู่หรอก
(suitable เป็นคุณศัพท์ เรียงไว้หลังนาม manager ได้ เพราะมีบุรพบท วลี for his position มาขยายตามหลัง)
***********************************************

ข้อยกเว้นการใช้ Adjective บางตัวเมื่อไปขยายนาม

Adjective ที่จะกล่าวต่อไปนี้ มีวิธีใช้ขยายนามหรือประกอบนามได้เพียงข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น จะประกอบหน้านาม หรือเรียงหลังกริยา จะใช้ทั้ง 2 อย่างไม่ได้ นั่นคือ
1.Adjective ต่อไปนี้เมื่อขยายนาม ให้ใช้แบบเรียงไว้หลังกริยาเท่านั้น ห้ามใช้แบบเรียงไว้หน้านามโดยเด็ดขาด ได้แก่
sorry
เสียใจ
afraid
กลัว
well
อยู่ดีสบาย
alive
มีชีวิตอยู่
ashamed
ละอายใจ
worth
มีค่า
awake
ตื่นอยู่
ill
ป่วย
alike
เหมือนกัน
asleep
หลับ
aware
ระวัง
alone
โดยลำพัง
content
พอใจ
unable
ไม่สามารถ
etc.
-
เช่น
ถูก:The president is sorry.ประธานาธิบดีมีความเสียใจ
ผิด:This is a sorry president.นี้คือประธานาธิบดีผู้เสียใจ
ถูก:That girl is afraid.เด็กหญิงคนนั้นกลัว
ผิด:This is an afraid girl.นี้คือเด็กหญิงที่กลัว
ถูก:He is well.เขาอยู่ดีสบาย
ผิด:He is a well man.เขาเป็นคนอยู่ดีสบาย
ถูก:Wilai is ashamed.วิไลรู้สึกละอายใจ
ผิด:Wilai is an ashamed girl.วิไลเป็นเด็กหญิงขี้ละอายใจ

2.Adjective ต่อไปนี้เมื่อใช้ขยายนาม ให้เรียงไว้หน้านามโดยตรง ห้ามใช้แบบเรียงหลังกริยาโดยเด็ดขาด ได้แก่
former
ก่อน
latter
หลัง
inner
ภายใน
outer
ภายนอก
upper
ข้างบน
elder
แก่กว่า
drunken
ขี้เมา
middle
กลาง
entire
ทั้งหมด
wooden
ทำด้วยไม้
golden
ทำด้วยทอง
especial
เฉพาะ
neighboring
เพื่อนบ้าน
-
-
-
-
เช่น
ถูก:Burma is a neighboring country.
ผิด:Burma is neighboring.พม่าเป็นประเทศเพื่อนบ้าน
ถูก:We met a drunken teacher.พวกเราได้พบครูขี้เมาคนหนึ่ง
ผิด:The teacher was drunken.ครูคนนั้นเป็นคนขี้เมา
ถูก:Sombat is my elder brother.สมบัติเป็นพี่ชายของฉัน
ผิด:He is elder.เขาแก่กว่า (ฉัน)
(elder ข้อแรกถูกเพราะวางหน้านาม elder ข้อหลังผิดเพราะวางหลังกริยา)
3.Adjective ที่ไปขยายสรรพนามผสม (Compound Pronoun) ต่อไปนี้ ให้เรียงไว้ข้างหลังสรรพนามผสมนั้นตลอดไป ได้แก่
someone
something
somebody
somewhere
everybody
everywhere
everything
everyone
anything
anybody
anyone
nowhere
nothing
no one
-
เช่น
I have something important to tell you.
ฉันมีบางสิ่งที่จะบอกคุณ
(อย่าใช้:I have important something to tell you.)
There’s nothing new for us to do.
ไม่มีอะไรใหม่เลยสำหรับเราที่จะทำ
(อย่าใช้:There’s new nothing for us to do.)
I don’t find anyone tall enough to clean the ceiling.
ผมไม่เห็นใครรูปร่างสูงพอที่จะทำความสะอาดเพดานห้องได้เลย
(อย่าใช้:I don’t find tall anyone enough to clean the ceiling.)
.
(important, new และ tall เป็นคุณศัพท์ เมื่อขยายสรรพนามผสมต้องเรียงไว้หลังถึงจะถูก หากเอามาเรียงไว้หน้าก็ผิดตามตัวอย่างข้างบน)
4.Adjective ที่แสดงการวัดขนาดต่างๆ ของนาม ต้องวางไว้หลังนามเสมอ เช่น
This river two hundred miles long.
แม่น้ำสายนี้ยาว 200 ไมล์
(อย่าใช้:This river is long two hundred miles.)
This mountain is five hundred feet high.
ภูเขาลูกนี้สูง 500 ฟุต
(อย่าใช้:This mountain is high five hundred feet.)
Ladda is twenty years old.
ลัดดามีอายุ 20 ปี
(อย่าใช้:Ladda is old twenty years.)


5.Adjective ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป มาขยายนามตัวเดียวกัน จะวางไว้หน้านามโดยตรงนั้นก็ได้ หรือจะวางไว้หลังนามก็ได้ และหน้า Adjective ตัวสุดท้ายต้องมี and มาคั่นไว้เสมอ เช่น
Thongchan is a witty and wise teacher.
หรือ
Thongchan is a teacher, witty and wise.
ทองจันทร์เป็นครูที่มีไหวพริบและฉลาด
He bought a newpowerful and expensive car.
หรือ
He bought a car newpowerful and expensive.
เขาได้ซื้อรถยนต์คันใหม่มีสมรรถภาพดี และราคาแพงมาคันหนึ่ง

6.Adjective ที่เป็นสมญานาม ไปขยายนามที่เป็นชื่อเฉพาะ ให้วางหลังนามนั้นเสมอ และเขียนด้วยอักษรตัวใหญ่โดยมี the นำหน้าทุกครั้งด้วย เช่น
King Naresuan, the Great.สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
Ivan, the Terrible.อีแวนตัวดุร้าย
Kukrit, the Wise of Siam.คึกฤทธิ์เจ้าปัญญาแห่งสยาม
Hercules, the Strong of the world.เฮอคิวลิสจอมพลังของโลกเป็นต้น
7.ถ้า Adjective นั้นเป็น Adjective Phrase (คุณศัพท์วลี) หรือ Adjective Clause (คุณานุประโยค) ไปขยายนามใด ให้เรียงไว้หลังนามนั้นตลอดไป เช่น
The tall man with his dog is my uncle.
ชายสูงที่มีสุนัขมาด้วยนั้นเป็นลุงของฉันเอง
(with his dog เป็น Adjective Phrase มาขยายนาม man จึงวางไว้หลัง)
The boy who is talking with the teacher is her brother.
เด็กชายที่กำลังพูดอยู่กับครูนั้นเป็นน้องชายของเธอ
(who is talk with the teacher เป็น Adjective Clause มาขยายนาม boy จึงวางไว้หลัง boy)
8.Adjective ต่อไปนี้ เมื่อไปขยายอยู่หน้านามเอกพจน์ นับได้ ให้ใช้ a นำหน้านามนั้นเสียก่อน แล้วจึงวางคุณศัพท์เหล่านี้ขยายอีกทีหนึ่ง ได้แก่ half, such, too, so, quite, rather, many เช่น
He spent half a day on gambling.เขาใช้เวลาเล่นการพนันครึ่งวัน
Such a man cannot be allowed.คนเช่นนั้นไม่สามารถอนุญาตให้ได้
It’s too hard a problem for him.มันเป็นปัญหายากเกินไปสำหรับเขา
He is so good a boy.เขาเป็นเด็กดีทีเดียว
She is quite a good pupil.หล่อนเป็นนักเรียนดีจริงๆ
Jack is rather a lazy boy.แจ๊คเป็นเด็กค่อนข้างขี้เกียจ
Many a dog is barking inside the house.สุนัขหลายตัวเห่าอยู่ในบ้าน

ชนิดของ Adjective ได้แก่

Adjective  ในภาษาอังกฤษแบ่งออกได้ 11 ชนิดคือ : -
  1. Descriptive Adjective                              คุณศัพท์บอกลักษณะ
  2. Proper Adjective                                        คุณศัพท์บอกสัญชาติ
  3. Quantitative Adjective                              คุณศัพท์บอกปริมาณ
  4. Numberal Adjective                                  คุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน
  5. Demonstrative Adjective                         คุณศัพท์ชี้เฉพาะ
  6. Interrogative Adjective                            คุณศัพท์บอกคำถาม
  7. Possessive Adjective                                 คุณศัพท์บอกเจ้าของ
  8. Distributive Adjective                            คุณศัพท์แบ่งแยก
  9. Emphasizing Adjective                           คุณศัพท์เน้นความ
10.Exclamatory Adjective                        คุณศัพท์บอกอุทาน
11.Relative Adjective                                  คุณศัพท์สัมพันธ์
************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น