TOEFL โทเฟิล คืออะไร ใครบ้างต้องสอบ ใครยอมรับผลสอบนี้บ้าง
TOEFL อ่านว่า toʊfəl (โท๊เฟิล) ย่อมาจาก Test Of English as a Foreign Language แปลว่า การทดสอบภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ เป็นการทดสอบวัดความรู้ในภาษาอังกฤษตามมาตรฐานของภาษาอังกฤษอเมริกันในทวีปอเมริกาเหนือ สำหรับนักศึกษาที่ต้องการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ถ้าประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักนักศึกษาที่มาจากประเทศอื่นจำเป็นต้องทดสอบโทเฟิลนี้
วิวัฒนาการรูปแบบข้อสอบ
การสอบโทเฟิลจัดทำโดย Educational Testing Service (ETS) มีครั้งแรกในปี พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) และยังคงมีการสอบในปัจจุบัน โดยรูปแบบการสอบมีการปรับปรุงเปลียนแปลงตลอดเวลา
เริ่มแรกโดยการทำข้อสอบกับกระดาษ (PBT – Paper-Based Test)อันนี้เรารู้จักกันดี ต่อมาสอบกับคอมพิวเตอร์โดยการบรรจุข้อสอบลงในคอมพิวเตอร์และให้เราลงในคอมเลย (CBT – Computer-Based Test)แต่ ณ เวลานี้เป็นการทดสอบกับคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม แต่ข้อสอบอยู่ที่ศูนย์ของเขา และจะออนไลน์ข้อสอบผ่านระบบอินเตอร์เน็ตเมื่อผู้เข้าสอบพร้อม ซึ่งไม่มีใครรู้ก่อนแน่นอนว่าข้อสอบมีอะไรบ้าง เป็นการป้องกันการรั่วไหลข้อสอบได้ดีเยี่ยม ซึ่งเรียกว่าข้อสอบแบบ iBT (Internet-Based Test) โดยวัดผลครบทั้ง 4 ทักษะ คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน
ใครบ้างต้องสอบ TOEFLE
กลุ่มใหญ่เลยที่ต้องสอบ TOEFE คือ ผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่ต้องการเรียนต่อต่างประเทศที่ทำการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่นั่นแหละ นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ที่สอบชิงทุนเรียนต่อ ซึ่งผู้ให้ทุนก็อยากได้คะแนนนี้ไปพิจารณาการให้ทุนเรียนต่อต่างประเทศ และอาจจะบริษัทต่างประเทศที่ต้องการทราบว่าภาษาอังกฤษคุณดีแค่ไหน เพื่อพิจารณาการรับเข้าทำงาน และอาจจะมีอื่นๆอีก แต่หลักๆก็มีประมาณนี้แหละ
ใครยอมรับคะแนน TOEFL บ้าง
ในปัจจุบันมหาลัยต่างๆทั่วโลกมากกว่า 8,500 แห่ง จากกว่า 130 ประเทศ ให้การยอมรับคะแนนที่ได้จาก TOEFL แต่คะแนนที่เขายอมรับได้ก็ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยนั้น ๆ บางมหาวิทยาลัยแค่ได้คะแนน 70 กว่าก็เข้าเรียนได้ แต่บางมหาลัยก็สูงกว่า ต้องดูมหาลัยแต่ละแห่งว่าเขารับได้แค่ไหน
สำนักงานใหญ่ TOEFL ประเทศไทย
Institute of International Education
6th Floor, Maneeya Center North
518/3 Ploenchit Road, Pathumwan
Bangkok 10330
Thailand
Email: toefl@bkk.iie.org
Phone: 66 (0) 2-652 0653
Phone: 66 (0) 2-684 1668
Phone: 1800-290065 Toll Free in Thailand — Monday to Friday from 9:30 to 16:30 h.
Website: www.iiethai.org
6th Floor, Maneeya Center North
518/3 Ploenchit Road, Pathumwan
Bangkok 10330
Thailand
Email: toefl@bkk.iie.org
Phone: 66 (0) 2-652 0653
Phone: 66 (0) 2-684 1668
Phone: 1800-290065 Toll Free in Thailand — Monday to Friday from 9:30 to 16:30 h.
Website: www.iiethai.org
เว็บไซต์สำนักงานใหญ่ : http://www.ets.org/toefl/
ทิปส์ ข้อสอบ TOEFL Speaking ข้อ 1&2
คะแนนเริ่มจาก 0-4 การให้คะแนนจะให้จากภาพรวมของคำตอบของเรา โดยดูจาก
มาดูตัวอย่างการตอบนะครับ คำตอบนี้ได้คะแนนเต็ม 4 คะแนน
ทิปส์ ข้อสอบ TOEFL Speaking ข้อ 1&2
ทิปส์การทำข้อสอบจากเจ้าหน้าที่โทเฟิลครับ มาดูคำแนะนำการทำข้อสอบ Speaking ข้อ 1&2 ว่าจะตอบอย่างไรให้ได้คะแนนสูงๆ และมีวิธีฝึกกันอย่างไรบ้าง
ข้อสอบ Speaking ข้อ 1&2 เป็นข้อสอบที่ให้เราพูดจากความคิดเห็นส่วนตัว หรือจากประสบการณ์ของเราเอง สิ่งที่เขาต้องการคือ เราพูดได้เป็นธรรมชาติมาน้อยเพียงใดนั่นเอง
สิ่งที่จะได้เรียนรู้
- โครงสร้างของข้อสอบ
- ทิปส์ในการตอบคำถาม
- การให้คะแนน
- ตัวอย่างการตอบคำถาม
- การฝึกเพื่อเพิ่มทักษะ
โครงสร้างของข้อสอบ
- มีหัวข้อกำหนดให้พูด
- มีเวลา 15 วินาทีในการเตรียมตัว
- มีเวลา 45 วินาทีในการพูด
คำถามที่ 1
เป็นคำถามเกี่ยวกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ต่างๆ เช่น
จงพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์ในความทรงจำที่เกิดขึ้นขณะที่คุณเรียนอยู่ และอธิบายว่าทำใมเหตุการณ์นั้นๆทำให้คุณระลึกความทรงจำดีๆ
คำถามที่ 2
เป็นคำถามที่มีสองสถานการณ์ หรือสองความคิดเห็น แล้วถามว่าเราชอบอันไหน ให้อธิบายว่าทำไมเราถึงชอบอันนั้น เช่น
บางคนคิดว่ามันจะสนุกกว่ากัน ที่จะพบปะกับเพื่อนๆในร้านอาหารหรือคาเฟ่ แต่บางคนคิดว่าจะสนุกกว่าหากพบปะกับเพื่อนๆที่บ้าน คุณคิดว่าอันไหนดีกว่ากัน จงอธิบาย
เป็นคำถามเกี่ยวกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ต่างๆ เช่น
เป็นคำถามที่มีสองสถานการณ์ หรือสองความคิดเห็น แล้วถามว่าเราชอบอันไหน ให้อธิบายว่าทำไมเราถึงชอบอันนั้น เช่น
ทิปส์ในการตอบคำถาม
- ใช้เวลาในการจัดลำดับความคิด จดโน๊ตสั้นๆ ไม่ใช่ทั้งประโยค
- อย่าตอบคำถามจากสิ่งที่ท่องจำมา เพราะจะไม่เป็นการพูดแบบธรรมชาติ แล้วผู้ให้คะแนนจะลดคะแนนของเรา เพราะเขาจะฟังออกว่าเราตอบจากความคิดของเราหรือจากสิ่งที่ท่องจำมา
- ไม่ต้องแบ่งคำตอบออกเป็นส่วนคำนำ เนื่อเรื่อง สรุปเหมือนการเขียนเรียงความ ให้พูดให้เป็นธรรมชาติที่สุด โดยใช้คำเชื่อมธรรมดาทั่วไป เช่น because, so, after that, on the other hand, I want to mention, what this means is เป็นต้น
ในการตอบคำถามประเภทนี้ให้ยกตัวอย่างประกอบ พร้อมอธิบายเหตุผลประกอบด้วย เดี๋ยวไปดูตัวอย่างการตอบนะครับ ว่าตอบอย่างไรให้ได้คะแนนเต็ม
การให้คะแนน
คะแนนเริ่มจาก 0-4 การให้คะแนนจะให้จากภาพรวมของคำตอบของเรา โดยดูจาก
- การพูด ดูจาก พูดได้ชัดเจน ออกเสียงถูกต้อง พูดได้คล่องเป็นธรรมชาติ และการขึ้นเสียงสูงต่ำได้ถูกต้อง สรุปง่ายๆคือพูดได้เหมือนเจ้าของภาษาเพียงใด
- ภาษาที่ใช้ ดูจากพูดได้ถูกต้องตามหลักภาษา และคำศัพท์ที่ใช้ คุณพูดพูดแบบเด็กๆ หรือแบบผู้ใหญ่นั่นเอง
- พูดอธิบายตามหัวข้อที่กำหนด ดูจากตอบคำถามได้ถูกต้องจากที่ถาม สามารถอธิบายได้ชัดเจน และการเชื่อมประโยค
ตัวอย่างข้อสอบ และการตอบคำถาม
มาดูตัวอย่างการตอบนะครับ คำตอบนี้ได้คะแนนเต็ม 4 คะแนน
ถามว่า : บางคนคิดว่ามันจะสนุกกว่ากัน ที่จะพบปะกับเพื่อนๆในร้านอาหารหรือคาเฟ่ แต่บางคนคิดว่าจะสนุกกว่าหากพบปะกับเพื่อนๆที่บ้าน คุณคิดว่าอันไหนดีกว่ากัน จงอธิบาย
ตอบว่า: อันที่จริงผมจะใช้เวลากับเพื่อนที่ร้านอาหารหรือคาเฟ่ แทบจะไม่เคยพบปะกันที่บ้านเลย เพราะว่าอะพาร์ตเมนต์ของผมเล็กมาก และแทบจะไม่มีอะไรทำ และอีกอย่างหนึ่ง ในร้านอาหารหรือค่าเฟ่มีคนเยอะ และบรรยากาศก็ดีมาก มีดนตรีบรรเลง เราพบปะกันเพื่อสนทนาเรื่องราวต่างๆ และได้พบปะกับคนอื่นๆที่เราไม่รู้จัก และเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทำความรู้จักกัน มันน่าตื่นเต้นเสมอ บลาๆๆ
เหตุผลที่ให้คะแนนเต็ม
การพูด พูดได้เข้าใจ พูดได้เรื่อยๆ จนหมดเวลา ไม่พูดซ้ำ
การใช้ภาษา ใช้ภาษาง่ายๆ ตรงไปตรงมา ไม่ได้ใช้คำที่ซับซ้อน
พูดอธิบายหัวข้อที่กำหนด พูดได้ดี อธิบายได้ชัดเจนว่าทำไม่ชอบที่บ้าน เช่น อะพาร์ตเมนต์เล็ก ไม่มีอะไรทำ ทำไมชอบร้านอาหารหรือคาเฟ่ เช่น บรรยากาศดี มีดนตรี และได้พบปะคนอื่นๆ
การพูด พูดได้เข้าใจ พูดได้เรื่อยๆ จนหมดเวลา ไม่พูดซ้ำ
การใช้ภาษา ใช้ภาษาง่ายๆ ตรงไปตรงมา ไม่ได้ใช้คำที่ซับซ้อน
พูดอธิบายหัวข้อที่กำหนด พูดได้ดี อธิบายได้ชัดเจนว่าทำไม่ชอบที่บ้าน เช่น อะพาร์ตเมนต์เล็ก ไม่มีอะไรทำ ทำไมชอบร้านอาหารหรือคาเฟ่ เช่น บรรยากาศดี มีดนตรี และได้พบปะคนอื่นๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น