Noun Clauses คืออนุประโยคที่ทำหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็นคำนามในประโยค ในการสนทนาในชีวิตประจำวัน เราอาจได้ยินหรือใช้ noun clauses โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังใช้ noun clauses อยู่ เช่น
I think you’re very pretty.
I hope you pass the exam.
ประโยคเต็มที่เป็นทางการ คือ
I think that you’re very pretty.
I hope that you pass the exam.
I hope that you pass the exam.
Noun clauses เหล่านี้ เมื่ออยู่ในตำแหน่งของประธานจะเรียกว่า "Subject noun clauses" และเมื่ออยู่ในตำแหน่งของกรรม จะเรียกว่า "Object noun clauses" ดังตัวอย่าง
Subject Noun Clauses
That scores are going down is clear.
(มักใช้ในภาษาเขียนหรือภาษาทางการ)
ที่ว่าคะแนนลดลงเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน
(มักใช้ในภาษาเขียนหรือภาษาทางการ)
ที่ว่าคะแนนลดลงเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน
What he said confused us terribly.
สิ่งที่เขาพูดทำให้พวกเราสับสนมาก
สิ่งที่เขาพูดทำให้พวกเราสับสนมาก
Object Noun Clauses
I feel that you overestimated the damages.
ผมรู้สึกว่าคุณประมาณการความเสียหายเกินความเป็นจริง
ผมรู้สึกว่าคุณประมาณการความเสียหายเกินความเป็นจริง
I don’t know where she is.
ผมไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
ผมไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
ประเภทของ Object Noun Clauses
Object Noun Clauses จะต้องอยู่คู่กับ Main Clause ของประโยคเสมอ โดยประโยคจะเริ่มด้วย Main Clause แล้วตามด้วย Object Noun clause โดยไม่ต้องมีเครื่องหมาย Comma คั่น Object noun clauses มี 3 ประเภท ได้แก่
1. Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า "that"
2. Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย "Wh-Words" (หรือ Question Words)
3. Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า "if" หรือ "whether"
2. Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย "Wh-Words" (หรือ Question Words)
3. Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า "if" หรือ "whether"
1. การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า "That"
เราใช้ Noun clauses ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า that ในกรณีต่อไปนี้
1. ใช้ตามหลัง verbs บางตัวที่แสดงความรู้สึก ความคิด หรือ ความคิดเห็น เช่น agree, feel, know, remember, believe, forget, realize, think, doubt, hope, recognize, understand
เช่น I agree that we should follow him.
She knows that her mom loves her.
2. ถ้าเป็นภาษาพูด มักจะละคำว่า that ซึ่งเป็นคำขึ้นต้น clause
เช่น I think that it’s red, not blue. (ภาษาทางการ)
I think it’s red, not blue. (ภาษาพูด)
I think it’s red, not blue. (ภาษาพูด)
3. Verbs ใน main clauses มักจะเป็น present tense แต่ verbs ใน noun clauses จะเป็น tense อะไรก็ได้
เช่น I believe it’s raining. (now)
I believe it’ll rain. (very soon)
I believe it rained. (a moment ago)
I believe it’ll rain. (very soon)
I believe it rained. (a moment ago)
4. ในการสนทนา ถ้าต้องการหลีกเลี่ยงการพูดคำว่า that บ่อยเกินไป หรือไม่ต้องการพูด noun clause ซ้ำ สามารถตอบโดยใช้คำว่า so หรือ not หลัง main clauses ได้
เช่น Surat: Is Surawee here today?
Dendao: I think so.
(คำพูดเต็มๆก็คือ I think that Surawee is here today.)
Dendao: I think so.
(คำพูดเต็มๆก็คือ I think that Surawee is here today.)
Dares: Has the rain stopped?
Sompet: I don’t believe so.
(คำพูดเต็มๆก็คือ I don’t believe that the rain has stopped.)
Sompet: I don’t believe so.
(คำพูดเต็มๆก็คือ I don’t believe that the rain has stopped.)
Joom: Are we ready to leave?
Paa: I’m afraid not.
(คำพูดเต็มๆก็คือ I’m afraid that we are not ready to leave.)
Paa: I’m afraid not.
(คำพูดเต็มๆก็คือ I’m afraid that we are not ready to leave.)
2. การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words
การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words (ได้แก่คำว่า what where when why how) มีหลักเกณฑ์ดังนี้
1. Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Indirect wh-questions และแม้ว่า noun clauses เหล่านี้จะขึ้นต้นด้วยคำแสดงคำถาม แต่ลำดับคำ (word order) ในอนุประโยคนี้ จะเป็นลำดับคำของประโยคบอกเล่า ไม่ใช่ลำดับคำของประโยคคำถาม
เช่น I know why he comes home very late.
(ไม่ใช่ why does he come home very late)
(ไม่ใช่ why does he come home very late)
I don’t know when he will arrive.
(ไม่ใช่ when will he arrive)
(ไม่ใช่ when will he arrive)
2. การใช้เครื่องหมายวรรคตอนของประโยคจะเป็นไปตามลักษณะของ main clause กล่าวคือ ถ้า main clause เป็นคำถามจะใช้เครื่องหมาย question mark ปิดประโยค ถ้า main clause เป็นบอกเล่า จะใช้เครื่องหมาย full stop ปิดประโยค
เช่น Could you tell me where the elevators are?
(Main clause เป็นคำถาม)
I’m wondering where the elevators are.
(Main clause เป็นบอกเล่า)
3. ใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words เพื่อแสดงให้คู่สนทนาทราบว่า เราไม่รู้ หรือเราไม่แน่ใจ
(Main clause เป็นคำถาม)
I’m wondering where the elevators are.
(Main clause เป็นบอกเล่า)
3. ใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words เพื่อแสดงให้คู่สนทนาทราบว่า เราไม่รู้ หรือเราไม่แน่ใจ
เช่น I don’t know how much it costs.
I would like to know when our next meeting will be.
I’m not sure which house is his.
I would like to know when our next meeting will be.
I’m not sure which house is his.
4. ใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words เพื่อถามหาข้อมูลอย่างสุภาพ
เช่น Could you tell me who are injured in the accident?
เช่น Could you tell me who are injured in the accident?
Can you tell me what time the show starts?
3. การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย If หรือ Whether
การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether มีหลักเกณฑ์ดังนี้
1. Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether คือ indirect yes/no questions นั่นเอง
เช่น Direct Question: Did they pass the exam?
Indirect Question: I don’t know if they passed the exam.
Indirect Question: I don’t know if they passed the exam.
(ข้อความที่ขีดเส้นใต้คือ noun clause ที่ขึ้นต้นด้ว if นั่นเอง)
2. ลำดับคำในประโยค (word order) และเครื่องหมายจบประโยค ใช้หลักเกณฑ์เดียวกับ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words
3. จะขึ้นต้น Noun Clauses ด้วยคำว่า if หรือ whether ก็ได้ แต่มักใช้ whether ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างเป็นทางการ
เช่น Sir, I would like to know whether you prefer coffee or tea.
Tell me if you want to go with us or not.
4. ใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether เมื่อ main clause แสดงการใช้ความคิด หรือความคิดคำนึง
เช่น I can’t remember if I had already paid him.
I wonder whether he will arrive in time.
I wonder whether he will arrive in time.
5. ใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether เมื่อต้องการถามคำถามอย่างสุภาพ
เช่น Do you know if the principal is in his office.
Can you tell me whether the tickets include drinks?
Can you tell me whether the tickets include drinks?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น