Cover letter คืออะไร?
Cover letter ก็คือจดหมายสมัครงาน ซึ่งเป็นด่านแรกที่เหล่า HR
จะอ่านก่อนจะผ่านไปถึงขั้นตอนของการดู resume ของผู้สมัคร
และถึงจะ HR ของบริษัทไทยจะไม่ค่อยดู Cover letter กันมาก แต่ว่าการเขียน cover letter ควรจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษค่ะ
เพราะใน resume เนี่ย ใครๆ ก็ก๊อปแบบฟอร์มมาแปะๆ แก้ๆ
ได้ใช่มั้ยล่ะ แต่ cover letter เนี่ย
เราจะต้องเขียนใหม่และปรับให้เข้ากับตำแหน่งและบริษัทที่เราจะสมัคร
ซึ่งตรงนี้ก็จะโชว์ทักษะทางด้านภาษาอังกฤษและการสื่อสารของเราด้วยค่ะ ว่าดีแค่ไหน
และถึงแม้ว่า cover letter ของเราจะมีประโยคเปิดและประโยคปิดที่ยอดเยี่ยม
และก็ยังสามารถเขียนให้ตัวเองดูเป็นคนพิเศษได้อีกต่างหาก แต่อย่าพึ่งกดส่งไปนะคะ!
ลองมาอ่านบทความนี้กันดูก่อน
เช็คกันดูว่าคุณมีประโยคหรือคำฆ่าตัวตายเหล่านี้อยู่ใน Cover letter หรือเปล่า เพราะมันอาจจะทำให้คุณพลาดงานสำคัญไปได้เลยนะ
1. “I think I’d be a great fit…”
สิ่งที่คุณเขียนมันก็คือสิ่งที่คุณคิดแน่นอนอยู่แล้วล่ะ! ไม่ใช่แค่ “I think” นะคะ ทั้ง “I feel” หรือ “I believe” ก็ฟังดูไม่ดีทั้งนั้น มันจะทำให้ประโยคดูเวิ่นเว้อ ซ้ำซ้อน และทำให้คุณดูเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองอีกด้วยวิธีแก้เอาคำที่เป็นวลีแสดงความคิดเห็นออกไปค่ะ ในบางครั้ง คุณก็ไม่ต้องแก้อะไรมากมายด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะเขียนว่า “I’m confident my communication skills would make me a strong Project Manager” ก็ให้เขียนแค่ว่า “My communication skills would make me a strong Project Manager” เห็นไหมคะ ความหมายเหมือนเดิม แต่สั้นกว่า ง่ายกว่า และ ฟังดูน่าเชื่อถือกว่าด้วย
2. “Good”
คุณสามารถบอกว่าคุณนั้นเก่งในด้านไหน เช่น “I’m a good writer” หรือ “I’m good at working with other people”
แต่มันมีคำ adjective อีกเยอะแยะเลยที่ฟังแล้วมันดูมีพลังมากกว่าแค่ “good”วิธีแก้ลองเปลี่ยนคำว่า “good” เป็นคำเหล่านี้ดูค่ะ
1. “I think I’d be a great fit…”
สิ่งที่คุณเขียนมันก็คือสิ่งที่คุณคิดแน่นอนอยู่แล้วล่ะ! ไม่ใช่แค่ “I think” นะคะ ทั้ง “I feel” หรือ “I believe” ก็ฟังดูไม่ดีทั้งนั้น มันจะทำให้ประโยคดูเวิ่นเว้อ ซ้ำซ้อน และทำให้คุณดูเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองอีกด้วยวิธีแก้เอาคำที่เป็นวลีแสดงความคิดเห็นออกไปค่ะ ในบางครั้ง คุณก็ไม่ต้องแก้อะไรมากมายด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะเขียนว่า “I’m confident my communication skills would make me a strong Project Manager” ก็ให้เขียนแค่ว่า “My communication skills would make me a strong Project Manager” เห็นไหมคะ ความหมายเหมือนเดิม แต่สั้นกว่า ง่ายกว่า และ ฟังดูน่าเชื่อถือกว่าด้วย
2. “Good”
คุณสามารถบอกว่าคุณนั้นเก่งในด้านไหน เช่น “I’m a good writer” หรือ “I’m good at working with other people”
แต่มันมีคำ adjective อีกเยอะแยะเลยที่ฟังแล้วมันดูมีพลังมากกว่าแค่ “good”วิธีแก้ลองเปลี่ยนคำว่า “good” เป็นคำเหล่านี้ดูค่ะ
- Skilled
- Talented
- Experienced
- Accomplished
- Expert
- Able
- Successful
- Apt
- Seasoned
- Thorough
- Capable
- Competent
- Efficient
แต่ว่า
ต้องดูให้ดีนะคะว่าคำที่คุณเลือกใช้มันตรงกับสิ่งที่คุณเป็นจริงๆ หรือเปล่า เช่น
ถ้าคุณมีประสบการณ์ในด้านการเขียนมาประมาณ 2 ปี คุณก็น่าจะเรียกตัวเองว่า “skilled” “capable” หรือ
“enthusiastic” writer มากกว่าที่จะเป็น “expert” หรือ “experience” writer นะคะ
3. “This job would help me because…”
ถ้าจะพูดกันตรงๆ นะคะ คุณ เพื่อนของคุณ และครอบครัวของคุณ อาจจะแคร์ว่า
งานๆ นี้จะช่วยคุณได้อย่างไร แต่ HR เขาไม่แคร์ค่ะ เขาสนใจแต่ว่า จะหาคนที่ดีที่สุด
เหมาะที่สุดสำหรับตำแหน่งงานนี้ได้อย่างไร ดังนั้น
ถ้าคุณกำลังพร่ำพรรณาว่างานตำแหน่งนี้จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษาะในด้านการเป็นผู้นำ
หรือเรียนรู้เกี่ยวกับสายงานที่คุณต้องการได้อย่างไรล่ะก็ กดปุ่ม delete ให้ไวเลยค่ะวิธีแก้เราเข้าใจแหละว่าคุณก็ควรจะต้องอธิบายว่าทำไมคุณถึงสมัครงานตำแหน่งนี้กับบริษัทนี้
ดังนั้น แทนที่จะบอกว่างานนี้จะช่วยคุณได้อย่างไร ก็ให้บอกว่า
คุณจะใช้ความสามารถของคุณช่วยบริษัทได้อย่างไรดีกว่า และสมการก็คือ “ความสามารถของคุณ + ความต้องการของบริษัท = ผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจ”
ยกตัวอย่างเช่น คุณเป็นโปรแกรมเมอร์ คุณก็อาจจะบอกว่า “My four
years of experience with open-source JavaScript, HTML5, and CSS3, combined with
my passion for building responsive web applications, would allow me to create
elegant maintainable, and functional front-end code – and ultimately make
Panther’s products even more user-friendly than they already are.” แปลง่ายๆ ก็คือ ความสามารถของผมในการเขียนโค้ดนี้ๆ
บวกกับความปรารถนาของผมในการทำสิ่งนี้ๆ จะทำให้ผมสามารถเขียนโค้ดนี้ๆ ได้
และมันจะทำให้สินค้าของคุณนั้นเป็นมิตรกับผู้บริโภคได้ยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา
4. “As you can see on my resume…”
ประโยคนี้เป็นประโยคที่ใช้กันทั่วไป
แต่ไม่ได้มีความหมายเพิ่มเติมอะไรเลยค่ะ ถ้า HR เขาต้องเห็นสิ่งนี้ใน resume ของคุณอยู่แล้ว
การป่าวประกาศว่าเดี๋ยวคุณจะได้เห็นสิ่งนี้ๆ นะมันก็ฟังดูไม่จำเป็นสักเท่าไหร่วิธีแก้เอามันออกไปค่ะ! เอามันออกไปเดี๋ยวนี้!
ไม่ต้องแก้อะไรเพิ่มเติมทั้งนั้น!แทนที่จะบอกว่า “As you can see on my resume, I’ve been working
in marketing and PR for the last five years,” ก็ให้เขียนไปตรงๆ
เลยว่า “I’ve been working in marketing and PR for the last five years.”ซึ่งความตรงและมั่นใจของคุณอาจจะเป็นคะแนนพิเศษให้ก็ได้นะ
5. “I’m the best candidate because…”ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่การทะนงว่าตัวเองนั้นเก่งที่สุด ดีที่สุด
หรือเรียกง่ายๆ ว่ามั่นเกินไป มักจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ
ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นผู้สมัครที่ดีมากๆ แต่คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าคุณน่ะ “ดีที่สุด” หรือเปล่า ลองนึกถึงการอ่าน cover
letter ของคน 6 คนที่ทุกคนต่างก็บอกว่าตัวเองดีที่สุดดูสิคะ
มันน่ารำคาญใช่ไหมล่ะ
ดังนั้น เพื่อไม่สร้างความรำคาญให้ HR มากเกินไป งดใช้คำว่า “best” เถอะนะคะ แล้วก็คำจำพวก “ideal” หรือ “perfect” ด้วยวิธีแก้ถ้าอยากจะเลือกคำที่อยู่ระหว่าง “good” กับ “best” ลองดูคำพวกนี้ค่ะ
ดังนั้น เพื่อไม่สร้างความรำคาญให้ HR มากเกินไป งดใช้คำว่า “best” เถอะนะคะ แล้วก็คำจำพวก “ideal” หรือ “perfect” ด้วยวิธีแก้ถ้าอยากจะเลือกคำที่อยู่ระหว่าง “good” กับ “best” ลองดูคำพวกนี้ค่ะ
- Excellent
- Great
- Terrific
- Strong
- Outstanding
- Unique
การเขียน cover letter ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ
แต่ผลตอบแทนที่ได้มา เช่น งานที่คุณตามหา
มันก็คุ้มค่ากับความเหนื่อยและเวลาที่เสียไปเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น