ความแตกต่างระหว่าง present perfect กับ present
perfect continuous
เรื่อง
Tense เป็นปัญหายุ่งยากในการเรียนภาษาอังกฤษมาโดยตลอด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Tense ที่ใกล้เคียงกันมักจะสร้างความสับสนเวลาใช้ว่าจะเลือกใช้
Tense ไหนดี แล้วมันต่างกันอย่างไร ในที่นี้จะเป็นการเปรียบเทียบระหว่าง
present perfect กับ present perfect continuous
tense
โครงสร้างของสอง
Tense นี้ก็ใกล้เคียงกัน คือ
Present
perfect : ประธาน + have / has + V3
Present
perfect continuous : ประธาน + have / has + been + Ving
** จำง่ายๆว่า ถ้าเป็น continuous ปุ๊บจะต้องมี Ving
อย่างแน่นอน
หลักการใช้ของทั้งสอง
Tense นี้เนื่องจากว่ามันเป็น perfect tense ทั้งคู่ เหตุการณ์ที่มันจะเกี่ยวข้องด้วยก็จะเป็นเหตุการณ์ทั้งในอดีต
ปัจจุบัน และอนาคต แต่!! Present perfect continuous tense จะเน้นความต่อเนื่องของเหตุการณ์มากกว่า
ฉะนั้นจะเลือกใช้ tense ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับนัยยะของสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ
โดยถ้าหากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบต่อเนื่อง หรือ “ทำแบบไม่หยุดพัก”
ให้ใช้ present perfect continuous เพื่อที่คนฟังจะได้เห็นภาพของความต่อเนื่อง
ลองเปรียบเทียบสองประโยคนี้ดูค่ะ
- The
children have studied for their exam since this morning. (present perfect)
- The
children have been studying for their exam since this morning. (present
perfect continuous)
ประโยคแรก
“เด็กๆอ่านหนังสือเตรียมสอบกันตั้งแต่เมื่อเช้า”
คนฟังก็จะเห็นภาพว่าเด็กนั่งอ่านหนังสือกัน อาจจะอ่านบ้าง พักบ้าง
เล่นบ้าง แต่อ่านกันตั้งแต่เช้าประโยคที่สอง แปลเหมือนกัน
แต่คนฟังอาจจะเห็นภาพว่าเด็กๆนั่งอ่านกันมาตั้งแต่เช้าโดยไม่หยุดพักเลย คร่ำเคร่งจดจ่ออยู่กับหนังสือกันมาก
ดังนั้นลักษณะเหตุการณ์จะคล้ายคลึงกัน
แต่สิ่งที่ผู้พูดต้องการจะสื่อออกมาหรือแฝงเอาไว้นั้นคือ “ความต่อเนื่อง”
ตัวอย่างอื่นๆ
เช่น
- It has
rained for three hours.
ฝนตกมา 3 ชั่วโมงแล้ว (อาจจะเป็นการตกตลอด 3 ชั่วโมงติดต่อกันหรือตกแบบตกๆหยุดๆก็ได้) - It has
been raining for three hours.
ฝนตกติดต่อกันมา 3 ชั่วโมงแล้ว (ตกแบบไม่ขาดสาย)
** แต่ในบางกรณีถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เสร็จสิ้นแล้ว
และไม่ได้มีการดำเนินมาอย่างต่อเนื่องแต่ผลลัพธ์ยังมีอยู่ Tense ที่ใช้จะเป็น present perfect เพราะบางเหตุการณ์เกิดขึ้นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เช่น ใครบางคนทำแก้วแตก ระยะเวลาที่ทำแก้วแตกใช้เวลาไม่นาน
จึงไม่แสดงถึงความต่อเนื่อง แต่ผลลัพธ์ของมันคือ แก้วใบนั้นแตกไปแล้ว
ประโยคนี้จึงควรใช้ present perfect อย่างไม่ต้องสงสัย คือ Someone
has broken the glass.
เกี่ยวเนื่องจากประเด็นนี้คือ
ส่วนใหญ่ present perfect จะใช้ในเหตุการณ์ที่เสร็จสิ้นไปแล้ว
และ present perfect continuous จะใช้กับเหตุการณ์ที่ดำเนินมาแต่ยังไม่เสร็จสิ้น
เช่น
- Robert has
washed his car.
โรเบิร์ตล้างรถแล้ว (เหตุการณ์เสร็จแล้วอาจจะเห็นภาพเป็นรถใหม่เอี่ยมของโรเบิร์ตเพราะผ่านการล้างมาแล้ว) - Robert has
been washing his car since 10 o’clock.
โรเบิร์ตกำลังล้างรถของเขาอยู่ตั้งแต่ 10 โมง (ล้างมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่เสร็จ อาจจะเห็นภาพโรเบิร์ตกำลังล้างรถอยู่)
** แต่ present perfect continuous ก็นำมาพูดถึงเหตุการณ์ที่เสร็จสิ้นแล้วได้เหมือนกัน
เพื่อต้องการชี้ให้เห็นถึงร่องรอยหรือผลลัพธ์ของเหตุการณ์ว่าที่เป็นแบบนี้เพราะได้เกิดเหตุการณ์มาอย่างต่อเนื่องกันมาเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน
เช่น เพื่อนของคุณอาจจะทักว่า
- You look
tired.
คุณดูเพลียๆนะ คุณก็ตอบเพื่อนไปว่า - I haven’t
been sleeping properly last night.
เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ (คือเน้นว่าไม่ได้นอนหลับสนิทแบบต่อเนื่อง หรือหลับๆตื่นๆเลยดูเพลีย)
สรุปได้ว่า
ประเด็นหลักที่ทั้งสอง Tense นี้ต่างกันคือ “ความต่อเนื่องของเหตุการณ์”
ดังนั้นกริยาตัวใดที่ไม่แสดงความต่อเนื่อง เช่น arrive,
stop, break เป็นต้น จึงเอามาใช้เป็น present perfect
continuous ไม่ได้ และกริยาอีกกลุ่มที่นำมาใช้ใน present
perfect continuous ไม่ได้คือ
กริยากลุ่มที่ไม่แสดงอาการการกระทำ (action verb) ซึ่งเป็นกริยาที่บอกความรู้สึก
เช่น like, know, understand เช่น
- Scientists
have known about genetic coding in DNA since the early 1950.
นักวิทยาศาสตร์ได้ล่วงรู้เกี่ยวกับรหัสของยีนในดีเอ็นเอมาตั้งแต่ปี 1950 - I have
liked this guy for 4 years.
ฉันชอบผู้ชายคนนี้มา 4 ปีแล้ว
** แต่ปกติ present perfect continuous อาจจะไม่ค่อยได้ใช้เหมือน
present perfect แต่ถ้าเราเข้าใจการใช้ present
perfect continuous แล้วเราจะใช้ภาษาอังกฤษได้เหมือนเจ้าของภาษามากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น