Phrasal verbs หรือ กริยาวลี คือกลุ่มคำกริยาที่ประกอบไปด้วย คำกริยา (verb)และคำบุพบท (preposition) เมื่อรวมกันแล้วความหมายมักจะเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น
give up แปลว่า
เลิก, หยุด (เราไม่สามารถแปล give ว่า
ให้ และ up แปลว่า ขึ้น แล้วนำมารวมกันแปลว่า “ให้ขึ้น” ได้)
come across แปลว่า พบโดยบังเอิญ ( come = มา, across = ข้าม)
come across แปลว่า พบโดยบังเอิญ ( come = มา, across = ข้าม)
ตัวอย่างอื่นๆเช่น
call
off ยุติ,
ยกเลิก
look up ค้นหา
look after ดูแล turn into กลายเป็น
carry on ทำต่อไป turn up ปรากฎตัว
look after ดูแล turn into กลายเป็น
carry on ทำต่อไป turn up ปรากฎตัว
Phrasal verbs แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. แบบ Separable verbs คือ
กริยาวลีที่สามารถแยก verb และ preposition
ได้ซึ่งมักเป็นกริยาวลีที่ต้องการกรรม
เช่น turn on, turn
off, take off, try on, etc. เช่น
- You must take off your
shoes before entering the room.
สามารถเขียนได้ว่า
- You must take your shoes
off before entering the room.
- Please turn off the
light. หรือ Please turn the light
off.
- You can try on the
shirt. หรือ You can try the shirt on.
** ในกรณีที่กรรมเป็นคำสรรพนามจะต้องวางไว้หน้าคำบุพบทเสมอ
เช่น
- You can try it on. จะเขียนว่า You can try on it. ไม่ได้
- Please turn it off จะเขียนว่า Please turn off it ไม่ได้
** ถ้าหากว่า
กรรมเป็นกลุ่มคำที่เป็นยาวๆ จะไม่สามารถวางไว้หน้าบุพบทได้
ให้วางไว้หลังกริยาวลีเสมอ เช่น
- He gave away every
book that he possessed. (ถูกต้อง)
- He gave every book that he
possessed away. (ผิด)
2. แบบ inseparatable verbs คือกริยากลุ่มที่ถ้ามีกรรมมารับจะไม่สามารถแยก verb กับ
preposition ออกจากกันได้ ต้องวางกรรมไว้หลังสุด
เช่น
- The teachers have to look
after students at school.
ไม่สามารถเขียนว่า The teachers have to look students after at school.
ในบางครั้งกริยาวลีอาจจะเป็นแบบ
three-word verb คือมีการใช้คำบุพบทมากกว่า 1 ตัว เช่น
put up
with อดทนกับ
catch up
with
ตามทัน
look down to ดูถูก run out of หมด
look down to ดูถูก run out of หมด
ตัวอย่างประโยค
เช่น
- We are about to run out of
water.
พวกเรากำลังจะไม่มีน้ำ - I can’t put up with that
noise any longer.
ฉันทนเสียงนั่นต่อไปไม่ได้แล้ว
** มีอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ
กริยาบางตัวที่ตามด้วยคำบุพบทจะไม่ใช่ กริยาวลี
วิธีการแยกแยะระหว่างกริยาวลีและกริยาที่ตามด้วยคำบุพบทคือ กริยาที่ตามด้วยคำบุพบท
คือ กริยาที่มีคำบุพบทแต่ไม่เปลี่ยนความหมายของคำกริยานั้น เช่น agree with ก็ยังคงมีความหมายเดิมของ agree และ
with คือ “เห็นด้วยกับ” หรือ
wait for ก็ยังแปลว่า “รอ”
แต่กริยาวลี
คือ กลุ่มคำที่ประกอบไปด้วย คำกริยา และ บุพบท โดยที่จะให้ความหมายใหม่ขึ้นมา เช่น
ask out ไม่ได้มีเค้าความหมายเดิมของ ask และ
out แต่จะแปลว่า “ชวนออกไปข้างนอก” หรือ
run into แปลว่า “พบ(ใครคนหนึ่ง)โดยบังเอิญ
การเข้าใจความหมายของกริยาวลีจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับหลายๆคนเพราะมันมีความหมายที่ไม่ใช่ความหมายเดิมนั่นเอง
วิธีการเดียวก็คือต้องเจอบ่อยๆใช้บ่อยๆจึงจะจำได้เอง ^^
****************************************************************
ตัวอย่าง Phrasal Verb with COME
กริยาวลี ที่มีคำว่า COME
Come Apart
ความหมาย: แตกเป็นเสี่ยง ๆ หรือ แยกออกเป็นส่วน ๆ หรือชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย
Come downความหมาย: ตกลงมา เช่น พูดถึง ฝน (Rain)
Come
on
(ยังมีต่อ)
****************************************************************
ตัวอย่าง Phrasal Verb with COME
กริยาวลี ที่มีคำว่า COME
Come across
ความหมายที่
1 : เจอโดยบังเอิญ
ตัวอย่างประโยค: I
CAME ACROSS my old school reports when I was clearing out my desk.(
ฉันบังเอิญเจอรายงานเก่า ๆ สมัยเรียน ตอนทำความสะอาดโต๊ะ
ความหมายที่
2: คนอื่นเห็นคุณเป็นคนอย่างไร
ตัวอย่างประโยค: : He
CAME ACROSS as shy because he spoke so quietly.(
ดู ๆ แล้วท่าทางเขาคงเป็นคนขี้อายนะ เพราะเขาพูดเสียงเบามาก )
ความหมายที่
3: ยอมมีเซ็กซ์กับใครบางคน
ตัวอย่างประโยค: I
was surprised when she CAME ACROSS on the first night.(
ผมค่อนข้างแปลกใจนะเมื่อเธอยอมมีเซ็กซ์ตั้งแต่คืนแรกเลย)
Come Apart
ความหมาย: แตกเป็นเสี่ยง ๆ หรือ แยกออกเป็นส่วน ๆ หรือชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย
ตัวอย่างประโยค: It
CAME APART when I tried to lift it off the floor and I had to glue it back
together. ( มันหลุดออกจากกันเลย
ตอนฉันพยายามยกมันขึ้นจากพื้นและฉันก็ต้องใช้กาวติดมันเข้าไปอย่างเดิม )
Come
back
ความหมาย: : กลับมา - กลับไป
ความหมาย: : กลับมา - กลับไป
ตัวอย่างประโยค: I
left work and CAME BACK home early.(
ฉันออกจากที่ทำงานและกลับบ้านเร็วขึ้น )
Come downความหมาย: ตกลงมา เช่น พูดถึง ฝน (Rain)
ตัวอย่างประโยค: Just
look at the rain COMING DOWN! I'm not going out in that.(
แค่ดูฝนทำท่าจะตกลงมาแล้ว ฉันไม่ออกไปข้างนอกหรอกนะ )
ความหมาย:
หมายถึงการเดินทาง เช่น “ แวะมาเยี่ยม / แวะมาหา “
ตัวอย่างประโยค: When
you're next in London, COME DOWN and see us.
( ถ้าคุณมาลอนดอนคราวหน้า แวะมาหาเรามั่งสิ )
Come
From
ความหมาย:
มาจาก หมายถึง เมืองหรือประเทศ ที่คุณเกิด
(Country
or town where you were born )
ตัวอย่างประโยค: She
COMES FROM Somalia.หล่อนมาจาก โซมาเลียจ้ะ
Come by
ความหมาย::
แวะมา (Visit
) ใช้กับเรื่อง
ตัวอย่างประโยค: I'll
COME BY after work and see if you need any help.
เดี๋ยวฉันจะแวะมาอีกหลังเลิกงาน เผื่อคุณมีอะไรให้ช่วย
ความหมาย: หามาได้
หรือ ได้มา (Acquire
)
ตัวอย่างประโยค: How
did you COME BY that Rolex?เฮ้ย
คุณได้นาฬิกาโรเล็กซ์นั้นมายังไงอ่ะ
Come
on
ความหมาย: เป็นการให้กำลังใจ
Encouragement
ตัวอย่างประโยค: COME
ON; don't give up now when you're so close to finishing.
เฮ้ย
ไม่เอาน่า......คุณจะเลิกล้มไม่ได้ เพราะคุณมาถึงจุดที่ใกล้สำเร็จแล้ว
ความหมาย:เริ่มมีอาการป่วย
Start
an illness
ตัวอย่างประโยค:I've
got a bit of a headache. I hope it doesn't mean I've got flu COMING ON.
ผมรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย หวังว่าผมคงไม่ได้เป็นไข้หวัดนะเนี๊ยะ
ผมรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย หวังว่าผมคงไม่ได้เป็นไข้หวัดนะเนี๊ยะ
ความหมาย: เริ่มทำงาน
/ เริ่มใช้ได้แล้ว ใช้กับพวกอุปกรณ์ต่าง ๆ
(machines, etc)
ตัวอย่างประโยค: The
central heating COMES ON automatically an hour before I have to get up.เครื่องทำความร้อนส่วนกลาง เริ่มทำงาน
อย่างอัตโนมัติหนึ่ง ชั่วโมงก่อนที่ฉันต้องตื่นนอน
(ยังมีต่อ)
บทความดีมากๆค่ะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษจะคอยติดตามบล็อกพี่เมย์นะคะ
ตอบลบบทความดีมากๆค่ะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษจะคอยติดตามบล็อกพี่เมย์นะคะ
ตอบลบมีประโยชน์มากๆค่ะสำหรับผู้สนใจภาษาอังกฤษจะคอยติดตามบล็อกของพี่เมย์นะคะ
ตอบลบ